posttoday

คาดใช้งบซ่อมโรงกลั่นบางจาก100ล้าน

04 กรกฎาคม 2555

บางจากแถลงปิดโรงกลั่นสุขุมวิท 1 สัปดาห์ ตรวจสอบความเสียหาย คาดสูญ 100 ล้าน ยืนยัน ไม่กระทบสต็อกน้ำมัน

บางจากแถลงปิดโรงกลั่นสุขุมวิท  1 สัปดาห์ ตรวจสอบความเสียหาย คาดสูญ 100 ล้าน ยืนยัน ไม่กระทบสต็อกน้ำมัน

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) แถลงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการติดไฟที่หอแยกน้ำมันก๊าซในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ขนาดกำลังผลิต 80,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนหน่วยกลั่นน้ำมันข้างเคียงไม่ได้รับความเสียหายและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นจะต้องหยุดโรงกลั่นเพื่อตรวจหาสาเหตุที่เกิดไฟไหม้ แต่ยืนยันว่าน้ำมันจะไม่ขาดแคลน เนื่องจาก บางจากยังมีคลังน้ำมันสำรองที่ บางปะอิน สุราษฎร์ธานีและสมุทรสาคร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากอุปกรณ์มากกว่า ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุไฟไหม้ได้แจ้งเสียงตามสายไปยังชุมชนใกล้เพื่อเตือนภัยแล้วและที่ผ่านมาบางจากมีการซ้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นประจำ และยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดย้ายโรงกลั่นแน่นอน เพราะอยู่มาเกือบ 50 ปีแล้ว เพราะค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้รวมแล้วมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งบางจากได้มีการซ้อมแผนป้องกันมาโดยตลอดและทำความเข้าใจกับชุมชนอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้บางจากจะปิดหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นเวลา 30 วัน เพื่อตรวจสอบ  พร้อมทั้งสั่งหยุดเดินเครื่องทั้งหมด เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ต้องรอให้อุณหภูมิหอกลั่นเย็นลงก่อนจึงจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอีกครั้งว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร โดยคาดว่าจะเปิดเดินเครื่องหน่วยกลั่นอื่นที่ไม่ได้รับความเสียหายภายในสัปดาห์หน้า โดยเพลิงไม่ได้ลุกลามไปยังหอกลั่นน้ำมันทั้งหมด 4 หอ

สำหรับความเสียหายเท่าที่คาดการณ์เบื้องต้นขณะนี้ บางจากประเมินว่า เสียหายประมาณ 20-30 ล้านบาท  แต่ถ้าต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนหัวกลั่นใหม่ ต้องใช้งบประมาณถึง 100 ล้านบาท ใช้เวลาในการเปลี่ยน 3 เดือน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากบางจากมีน้ำมันสำรองในโรงเก็บน้ำมันแห่งนี้ บางปะอิน สุราษฎร์ธานี และสมุทรสาครส่วนผลกระทบที่เกิดกับประชาชนรอบโรงกลั่น ทั้งหมด 5 ชุมชน บางจากได้ประสานงานไปยังสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศและสุขภาพประชาชน  ซึ่งจากการตรวจสอบยืนยันว่า กลุ่มควันไม่กระทบต่อสุขภาพประชาชน เป็นเพียงการเผาไหม้ของแก๊ส เช่นเดียวกับแก๊สหุงต้ม ( แอลพีจี)

ด้าน นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งให้บางจากหยุดการดำเนินการในส่วนของหอกลั่นที่ 3 ที่มีกำลังการผลิต 8 หมื่นบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 30 วัน ตามพ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม ปี 2535 มาตรา 39 เพื่อปรับปรุงแก้ไขในจุดที่ชำรุดเสียหาย โดยระหว่างการปรับปรุงจะมีเจ้าหน้าที่จากรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปตรวจสอบ และติดตามการแก้ไขอย่างใกล้ชิด หากแก้ไขเสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดและทางเจ้าหน้าได้ไปตรวจทานความปลอดภัยแล้ว จะอนุญาตให้ดำเนินการต่อได้ แต่หากยังไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนดจะมีการเลื่อนเวลาปิดออกไป

ทั้งนี้ เบื้องต้นทางบริษัทบางจากจะปิดการดำเนินการทั้งหมดทุกส่วนเป็นเวลา 7 วัน แต่หลังจากนั้นทางบริษัทคงจะต้องพิจารณาว่าจะเปิดดำเนินการในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกสั่งปิดหรือไม่

ขณะที่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการตรวจสอบยังไม่เกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชุมชน ซึ่งกระทรวงฯ ได้สั่งให้ทางบางจากส่งรายงานอย่างเป็นทางการเข้ามาอีกครั้ง

“จะมีการตรวจทางความปลอดภัยอย่างเข้มข้นก่อนจะอนุญาตให้เปิดอีกครั้ง รวมถึงพิจารณาแผนฉุกเฉินของโรงงาน และแผนประเมินความเสี่ยง เนื่องจากในปี 2554 ก็เพิ่งจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับบางจาก และอาจจะมีการตั้งเงื่อนไขพิเศษขึ้นมาเพื่อมาดูแลโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแนวทางให้กับโรงกลั่นอื่นๆ ด้วย”นายวิฑูรย์ กล่าว

สำหรับแผนโยกย้ายโรงกลั่นออกจากพื้นที่ชุมชน ในระยะยาวทางบริษัทน่าจะมีแผนวางไว้อยู่แล้ว แต่ตามหลักการโรงงานไม่มีสิทธิก่อเหตุเดือดร้อนให้กับชุมชน แม้ว่าจะเข้ามาตั้งโรงงานก่อนชุมชนจะมาอยู่ ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้จากที่ผ่านมา ส่วนใหญ่โรงงานจะเป็นผู้ย้ายออกไปจากพื้นที่เอง เพราะอาจทนรับเรื่องร้องเรียนไม่ไหว หรือในพื้นที่มีปัญหาจราจร หรือราคาที่ดินในเมืองสูงขึ้น ก็จะตัดสินใจย้ายออกไป