posttoday

ลดLPGภาคอุตฯ3.03บาท

02 กรกฎาคม 2555

กบง.ไฟเขียวลดราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ลง3.03บาทตามทิศทางราคาตลาดโลกที่ปรับลดลง

กบง.ไฟเขียวลดราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ลง3.03บาทตามทิศทางราคาตลาดโลกที่ปรับลดลง

นายอารักษ์   ชลธาร์นนท์   รมว.พลังงาน  เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับลดราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ลง3.03 บาท/ก.ก. จากราคา27.89บาท/ก.ก. มาอยู่ที่ 24.86 บาท/ก.ก. เพื่อให้สอดคล้องกับราคาแอลพีจีตลาดโลกที่ปรับลดลงจากเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 714 หรียญสหรัฐ/ตันมาอยู่ที่ 593 เหรียญสหรัฐตัน ในเดือนก.ค.

ทั้งนี้เป็นการปรับลดราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมป็นเดือนที่ 2  จากก่อนหน้านี้มีนโยบายปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีโดยทยอยปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมไตรมาสละ3บาท/ก.ก.ตั้งแต่เดือนก.ค.2554  ที่ผ่านมา ทำให้มีการปรับขึ้นราคาไปแล้ว12 บาท/ก.ก. แต่เมื่อราคาแอลพีจีในตลาดโลกเริ่มปรับลดลงจำนวนมาก  ทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เห็นว่าจะสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมากเกินไปจึงมีมติให้มีการปรับลดลงราคาสะท้อนราคาตลาดโลกได้ และได้เริ่มปรับลดราคามาตั้งแต่เดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายของภาคเอกชนจากเดิม 5% เป็น 6% ตามแผนการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตโดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานไปดำเนินการออกประกาศกรมธุรกิจพลังงานเพื่อปรับเพิ่มอัตราสำรอง โดยให้มีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน แต่หากโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันบางรายยังไม่พร้อมให้ผู้ค้าขอยื่นผ่อนผันเพื่อพิจารณาเป็นรายๆ ไป

การปรับเพิ่มสำรองน้ำมันตามกฎหมายของภาคเอกชนครั้งจะทำให้ไทยมีน้ำมันสำรองใช้ได้เพิ่มขึ้นจาก 36 วัน เป็นประมาณ 43 วันของความต้องการใช้ในประเทศ หรือประมาณ 28 ล้านบาร์เรล  ในขณะที่การสำรองน้ำมันของภาครัฐ ซึ่งกำหนดไว้ 57 วัน นั้นจะพิจารณารูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการที่เหมาะสมโดยออกกฎหมายมารองรับเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ คาดว่าจะเสร็จเดือนก.ย.2555 และจะเสนอรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุมครม.อนุมัติในธ.ค.2555 

นายอารักษ์  กล่าวว่า  กบง. ยังอนุมัติการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลที่ผสมเอทานอลจากมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นจากเดิมในวงเงิน 180 ล้านบาท เป็นในวงเงิน 222 ล้านบาท โดยใช้ราคามันเส้นที่โรงงานเอทานอลซื้อจากคลังกลางเฉลี่ยเท่ากับ 7.9 บาท/กก. และขยายระยะเวลาการชดเชยเป็น 5 เดือนนับตั้งแต่วันที่มีการซื้อขายมันเส้นจากคลังกลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.)