ครม.เศรษฐกิจมั่นใจรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป
ครม.เศรษฐกิจ มั่นใจรับมือ วิกฤตอียู แต่ห่วงกระทบส่งออก จับตา กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-สิ่งทอ เพราะจ้างงานสูง
ครม.เศรษฐกิจ มั่นใจรับมือ วิกฤตอียู แต่ห่วงกระทบส่งออก จับตา กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-สิ่งทอ เพราะจ้างงานสูง
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีการหารือและประเมินสถานการณ์ที่ไซปรัสเข้าสู่ความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นประเทศเล็ก เชื่อว่าสหภาพยุโรป (อียู) คงดูแลได้ไม่ให้ปัญหาขยายวงได้ ส่วนการปรับลดเครดิตของสถาบันการเงินหลายสิบแห่งในช่วงที่ผ่านมามีการหารือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นประเมินผลประกอบการของสถาบันการเงินไทยก็ดีขึ้น มีความแข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าสถาบันการเงินไม่มีผลกระทบและการที่รัฐบาลมีการปรับตัวขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝาก 50 ล้านบาท ก็ช่วยรองรับและเพิ่มความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินได้
"ยังไม่มีการออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม แต่จะเน้นในเรื่องการติดตามผลกระทบ โดยมองผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งเป็นการหารือถึงความพร้อมในการรับมือด้านต่างๆ"นายอารีพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีความเป็นห่วงสถานการณ์การส่งออกที่อาจจะกระทบต่อการจ้างงาน โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงและจับตา คือ อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ เพราะมีการจ้างงานสูง โดยจะมีการจับตาบริษัทจำนวน 2,100 แห่งเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีผลต่อการจ้างงาน แต่จากตัวเลขการว่างงานที่รายงานในที่ประชุมนั้น ก็ยังไม่ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นเรื่องของฤดูกาลที่มีนักศึษาจบใหม่เข้ามา ในตลาดแรงงานประมาณ 80,000 ราย จึงทำให้ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะลดลงเมื่อแรงงานใหม่เริ่มหางานทำได้
"ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการหารือกับทูตพาณิชย์ทั่วโลก เพื่อปรับกลยุทธ์และหาแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก ขณะที่วันที่ 30มิถุนายนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะหารือกับกลุ่มผู้ส่งออกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เพื่อหาแนวทางในการลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น"นายอารีพงศ์กล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า แม้ว่าการส่งออกที่่ผ่านมาจะชะลอตัว แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมกลับเป็นบวกร้อยละ 7-8 ดังนั้น จึงไม่ลดเป้าหมายการส่งออกจากร้อยละ 15 โดยครึ่งปีหลังจะพยายามหาทางผลักดันการส่งออก ชดเชยการส่งออกไปยุโรปที่ดูเหมือนจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะเมื่อไซปรัส เป็นประเทศที่ 5 ที่ขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจเลวร้ายขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 5.5-6.5 จากการลงทุนป้องกันน้ำท่วม การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนในการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรม
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมได้สั่งให้รัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงและพึ่งพาเงินกู้ต่างประเทศทบทวนสัดส่วนเงินกู้เพื่อลดความเสี่ยงหันมากู้ในประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง เพราะมีสภาพคล่องสูง ส่วนกรณีวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปจะทำให้ราคาเครื่องจักรที่ใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถูกลง จึงต้องอาศัยจังหวะนี้เจรจาต่อรอง เพื่อซื้อราคาที่ถูกลง แต่การลงุทนรถไฟความเร็วสูงรัฐบาลกำลังเดินหน้าเปิดประมูลนานาชาติ และมีนักลงทุนจำนวนมากสนใจเข้ามาลงทุน เร็ว ๆ นี้นายกรัฐมนตรีก็เตรียมที่จะเดินหน้าชี้แจ้งนักลงทุน
นายอภิชาติ จงสกุล เลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่าภาพรรวม 4 เดือนแรก มูลค่าการส่งออกยางลดลงร้อยละ 49 มาจากผลกระทบโดยตรงจากปัญหาในยุโรปที่ชะลอตัว นอกจากนี้ ยังมีข้าวและผลไม้กระป๋องที่ลดลงด้วย ซึ่งภาพรวมของสินค้าเกษตรไทยที่ส่งออกไปอียู ประมาณร้อยละ 12 ของการส่งออกทั้งหมด ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูผลกระทบรายสาขาและหาแนวทางแก้ไข
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การที่รัฐบาลขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝาก 50 ล้านบาทต่อบัญชีออกไปอีก 3 ปี จะมีส่วนช่วยให้ระบบการเงินของไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะจะขจัดปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายเงินฝากระหว่างธนาคารรัฐและเอกชนลงไปได้ ทำให้ระบบการเงินนิ่งขึ้น และะทำให้รัฐบาลมีเวลาในการจัดการปัญหาและรับมือกับสถานการณ์ภายนอกที่ยังไม่แน่นอน