posttoday

ส่งกางเกงลำลองกันน้ำลุยตลาดหน้าฝน

27 มิถุนายน 2555

จอห์น เฮนรี่ ส่งคอลเล็กชันกางเกงลำลองกันน้ำ ลุยตลาดหน้าฝน พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ขยายฐานวัยรุ่น รับตลาดรวมแฟชันชายโตกว่า7 พันล.บาท

จอห์น เฮนรี่ ส่งคอลเล็กชันกางเกงลำลองกันน้ำ ลุยตลาดหน้าฝน พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ขยายฐานวัยรุ่น รับตลาดรวมแฟชันชายโตกว่า7 พันล.บาท

นายวิสิฐ ผรณาปิติ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทเซ็นทรัลเทรดดิ้ง ในกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง ผู้ทำตลาดสินค้าแฟชันแบรนด์เนม ‘จอห์น เฮนรี่’เปิดเผยว่าบริษัทเปิดตัวสินค้าภายใต้นวัตกรรมใหม่ล่าสุด สำหรับกางเกงกลุ่มลำลอง(แคชวล)ในคอลเล็กชัน ‘วอลเธอร์ รีเพลเรนท์ คอตตอน’ กางเกงฝ้ายกันน้ำที่ผลิตจากฝ้าย100% และมีฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาไม่น้อยกว่า50%ผสมอยู่ ซึ่งเปิดตัวและทำตลาดในไทยแห่งแรกในโลก

สำหรับกางเกงนวัตกรรมใหม่ดังกล่าว จะมีทั้งกลุ่มกางผ้าฝ้ายลำลอง และกางยีนส์ โดยผลิตและจำหน่ายในไทยรุ่นจำนวนจำกัด 1 หมื่นตัว วางระดับราคาคาที่ 1,990 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่ากางเกงจอห์นเฮนรี่รุ่นปกติ ราว 200 บาท จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและคนทำงานรุ่นใหม่ อายุ25-35 ปี เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าจอห์น เฮนรี่ มากขึ้น หลังจากทำตลาดในไทยมานานกว่า 30 ปี

ขณะเดียวกัน สินค้าใหม่ดังกล่าวยังเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแถบเอเชีย ที่ต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปียกชื้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งกางเกงเทคโนโลยีรุ่นพิเศษดังกล่าวจะคงประสิทธิภาพในการป้องกันได้อย่างดี จากการซักล้างมากกว่า30ครั้ง โดยเนื้อผ้ายังแห้งเร็วกว่าผ้าปกติถึง 40% ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะเข้ามาสร้างสีสันในการทำตลาดช่วงนี้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งหมด 6 เฉดสี   

สำหรับปีนี้ บริษัทเตรียมงบทำตลาดแบรนด์จอห์นเฮนรี่ ราว 7%ของยอดขาย ผ่านช่องทางจุดจำหน่าย ในห้างสรรพสินค้าที่มีกว่า 140 จุดในขณะนี้ และมีแผนเพิ่มขึ้นอีก 10 จุดจำหน่าย โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทวางกลยุทธ์การทำตลาดและโรดโชว์สินค้าไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ หากมีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นซ้ำเหมือนปีก่อน ที่ส่งผลกระทบยังช่องทางขายในเมือง

ทั้งนี้ แบรนด์จอห์น เฮนรี่ จะทำตลาดสินค้าใหม่ 3 คอลเล็กชันต่อปี คือ สปริง, ซัมเมอร์ และวินเทอร์ โดยกลุ่มกางเกงแบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลัก คือ รุ่นเร็คกูลาร์ ฟิต สัดส่วนยอดขาย 20%, รุ่นสลิมฟิต 60% และสุดท้ายรุ่น โมเดิร์น ฟิต 20% ซึ่งบริษัทได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น5%ไปเมื่อต้นปี จากผลกระทบต้นทุนค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท 

ขณะที่ภาพรวมตลาดแฟชันชายผ่านจุดขายในห้างสรรพสินค้าในปีนี้ มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท โดยปีนี้คาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น15-20% จากกลุ่มสินค้าแฟชันผู้ชายมีความหลากหลาย สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายให้ความสำคัญกับการแต่งกายตามแฟชันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยในส่วนของบริษัทพบว่าผู้ชายจับจ่ายสินค้าเพื่อการแต่งกายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย2,000 บาทต่อใบเสร็จจากเดิม 1,500บาทต่อใบเสร็จ

ทั้งนี้ จากแผนการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว ในปีนี้บริษัทวางเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดขายประมาณกว่า 400 ล้านบาท