posttoday

มาม่ายอดโต11%สะท้อนผู้บริโภคประหยัด

14 พฤษภาคม 2555

ดัชนีมาม่า 4เดือนแรกปีนี้ยอดขายพุ่ง11% รับของแพงคนประหยัดหันกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลั่นตรึงราคาภายใน 4เดือนนี้

ดัชนีมาม่า 4เดือนแรกปีนี้ยอดขายพุ่ง11% รับของแพงคนประหยัดหันกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลั่นตรึงราคาภายใน 4เดือนนี้

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หรือกลุ่มทีเอฟ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” เปิดเผยว่ายอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบริษัทใน 4 เดือนแรกปีนี้ มีอัตราการเติบโตสูงถึง 11% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีอัตราเติบโตประมาณ 10% คาดมาจากภาวะเงินเฟ้อสินค้าราคาแพงในปีนี้ ทำให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายหลายรายการ และหันมาบริโภคมาม่ามากขึ้น

มาม่ายอดโต11%สะท้อนผู้บริโภคประหยัด

สำหรับแนวโน้มที่เกิดขึ้น กลุ่มทีเอฟพยายามมองถึงภาพรวมผู้บริโภคเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อในภาคเกษตรกรรม ชาวไร่ ชาวนา ในชนบทที่พบว่ามักมีรายการอาหาร(เมนู)มาม่าในทุก 1มื้อหลักรับประทานร่วมกันในครอบครัวประจำวัน ซึ่งการขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้อาจทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบด้านค่าครองชีพเพิ่มขึ้นไปอีก

ทั้งนี้บริษัท จะดำเนินตามนโนบายของรัฐบาล โดยยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่อย่างใดในขณะนี้ ด้วยยังสามารถบริการต้นทุนการผลิตสินค้าในภาพรวมได้ภายใน 4เดือนนับจากนี้ อาทิ การสั่งซื้อล่วงหน้าวัตถุดิบแป้งสาลี เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ กลุ่มน้ำมันปาล์มที่บริษัทดำเนินการจัดซื้อ1-2 เดือนล่วงหน้า เป็นต้น แม้ว่าในต้นปีราคาน้ำมันปาล์มจะปรับสูงขึ้นไปแล้ว แต่หลังจากนี้อาจมีแนวโน้มปรับลดลง

พร้อมกันนี้ กรรมการบริษัทจะยังติดตามสถานการณ์ด้านต่างๆอย่างใกล้ชิดอีกครั้งภายใน 4 เดือน ก่อนตัดสินใจปรับราคาสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือไม่ โดยเฉพาะการปรับราคาขายปลีกที่บริษัทในฐานะผู้ผลิตเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนการปรับราคาขายส่งนั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัท และทางบริษัทสหพัฒนพิบูล ซึ่งเป็นผู้ทำตลาดและกระจายสินค้า ที่ต้องติดตามราคาน้ำมันโลกว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นหรือไม่ ด้วยมีผลกระทบต่อค่าขนส่ง

ขณะที่ในไตรมาส3นี้ หากมีการปรับราคาส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริง คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกมาม่าซองละ 6 บาทที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม อาทิ เช่นหากจัดส่งสินค้าไปยังห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือยี่ปั๊ว เป็นต้น ในราคากล่องละ152-155 บาทจากราคาเดิมกล่องละ 150 บาท แต่ยังสามารถจำหน่ายราคาขายปลีกได้เท่าเดิม 6 บาท เป็นต้น

“รัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว ต้องยอมรับว่าเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลกลัวมาก ซึ่งการตรึงราคาสินค้า 4เดือนนับจากนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะหากสินค้าขึ้นราคารัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งมีหลายมาตรการที่ช่วยได้ ทั้งการตรึงราคาสินค้า หรือ การชดเชยส่วนต่าง เช่น ราคาน้ำมันปาล์มปัจจุบันอยู่ที่ 36 บาท เทียบจากปีก่อน 30บาท รัฐเข้ามชดเชย 3 บาท เป็นต้น”นายพิพัฒกล่าว

ขณะที่การปรับราคาสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ บริษัทไม่ต้องการขึ้นราคาแต่อย่างใด ซึ่งการปรับขึ้นราคาสินค้าครั้งที่แล้วไป 6 บาทเมื่อ 5ปีก่อนนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัท สามารถอยู่ได้ถึงขณะนี้ รวมถึงการออกรสชาติสินค้าใหม่ โดยในปีก่อนบริษัทมียอดขายราว 9,995 ล้านบาท คาดสิ้นปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท สิ้นปีตลาดอาจเติบโตถึง1.5หมื่นล้านบาท