หอการค้าตั้งกก.4ชุดจับตาปัญหาศก.
หอการค้าไทยฯตั้งคณะกรรมเฉพาะกิจ4ชุดติดตามปัญหาเศรษฐกิจไทยคาดไตรมาส4ส่อแววชะลอตัวไปถึงต้นปีหน้า จากปัญหาน้ำท่วม-เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
หอการค้าไทยฯตั้งคณะกรรมเฉพาะกิจ4ชุดติดตามปัญหาเศรษฐกิจไทยคาดไตรมาส4ส่อแววชะลอตัวไปถึงต้นปีหน้า จากปัญหาน้ำท่วม-เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมา 4 ชุดเพื่อติดตามปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงในไตรมาส4ของปี 2554 และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบปัญหาน้ำท่วม ตลอดจนเศรษฐกิจสหรัฐและสหภาพยุโรป(อียู)ที่ชะลอตัว
ทั้งนี้คณะกรรมการฯดังกล่าวที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของปัญหาและพิจารณาหามาตรการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ตลอดจนเป็นกลไกการทำงานเพื่อจัดเตรียมข้อมูลสำหรับการเข้าพบนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในครั้งต่อไป
สำหรับ 4 คณะกรรมการเฉพาะกิจ ประกอบไปด้วย 1. คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังน้ำท่วม ซึ่งจะหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยในระยะสั้นและการเยียวยาว ตลอดจนการวางแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว 2. คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯและปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป(อียู)
3.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะเข้าไปดูแลทั้งในด้านนโยบายและความเสี่ยงต่อปัญหาการทุจริต รวมทั้งประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าวด้วย และ 4.คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูแลปัญหาค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท
“น่าเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส4เป็นต้นไป จะชะลอตัวลง หลังเจอปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ จำเป็นต้องมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไข”นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาส4แน่นอน และรัฐบาลจะต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาทในการเข้าไปฟื้นฟู ดังนั้นมาตรการประชานิยมในเรื่องใดที่ยังไม่ได้ทำก็ควรจะมีการทบทวนหรือชะลอไปก่อน เพื่อกันงบประมาณไว้ใช้แก้ปัญหาผลกระทบน้ำท่วม
นอกจากนี้จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ซึ่งเดิมเคยมีแผนบริหารจัดการน้ำ แต่เมื่อผ่านมาทุกรัฐบาลก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการประเมินผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 12 ต.ค. จะส่งผลกระทบต่อต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1.3-1.5% หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) 1.56 แสนล้านบาทแยกเป็นผลกระทบต่อบ้านเรือน มูลค่า 3,454 ล้านบาท สิ่งสาธารณะ 1.11 หมื่นล้านบาท ด้านการเกษตร 6.8 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรม 5.03 หมื่นล้านบาท (ยังไม่รวมนิคมฯไฮเทค) ท่องเที่ยว 8,254 ล้านบาท การค้า 1.23 หมื่นล้านบาท และอื่นๆ อีก 1,543 ล้านบาท