posttoday

มาม่าทุ่มงบพันล้านตั้งโรงงานในเวียดนาม

30 กันยายน 2554

มาม่า เล็งทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานในเวียดนาม พร้อมปรับโฉมแบรนใหม่ ลบภาพสินค้าบรรเทาหิว

มาม่า เล็งทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานในเวียดนาม พร้อมปรับโฉมแบรนใหม่ ลบภาพสินค้าบรรเทาหิว

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา มาม่า  เปิดเผยว่าขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ในประเทศเวียดนามในอนาคต คาดใช้งบลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หลังเห็นโอกาสในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศประเทศดังกล่าว มีมูลค่าสูงถึง  3 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง  จากปัจจุบันอัตราการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่  90 ซองต่อคนต่อปี  และมีผู้เล่นราว 40 ราย ซ

แนวทางดังกล่าว มาจากนโยบายของนายบุณยสิทธิ์  โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ได้วางนโยบายให้บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์  เป็นผู้ดูแลทำการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศเวียดนาม  ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทก็ได้เข้าไปศึกษาและเริ่มทดลองทำตลาด  พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว  และได้เริ่มจำหน่ายสินค้าแล้วตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าในแต่ละเดือนจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า  6,000 หีบต่อเดือน ซึ่งการที่บริษัทจะเข้าไปตั้งโรงงานในประเทศดังกล่าวได้จะต้องมีมียอดขายถึง2 หมื่นหีบต่อเดือนในอนาคต 

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้กระจายสินค้าอุปโภคบริโภคและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” กล่าวว่าในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า มียอดขายเพิ่มขึ้น 5-10% เทียบจากช่วงปกติ เป็นผลมาจากความต้องการซื้อบะหมี่สำเร็จรูปไปบริโภคเพิ่มขึ้น และลูกค้าบางส่วนที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อนำไปบริจาคให้แก่ผู้ที่ประสบ อุทกภัยดังกล่าว โดยบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตบะหมี่สำเร็จรูปขึ้นตามความต้องการซื้อที่สูง ขึ้นแล้ว เพื่อไม่ให้ปัญหาสินค้าขาดตลาดเกิดขึ้น

ล่าสุดใช้งบราว 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญใหม่ “มาม่า มาย แฟวอริท” ภายใต้แนวคิด มาม่ารสไหนรสโปรดของคุณ พร้อมใช้กลุ่มศิลปินนักร้อง “เดอะสตาร์7” มาเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์(พรีเซ็นเตอร์) สินค้า รวม 5 คน ได้แก่ ตูมตาม, นท, กวาง, แอมป์ และเนส เพื่อสร้างความหลากหลายของรสชาติมาม่า 5 รสชาติที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้ง หมูสับ,หมูน้ำตก, เป็ดพะโล้, เส้นหมี่น้ำใส และต้มยำกุ้ง

เนื่องจาก มาม่า ทั้ง 5 รสชาติดังกล่าวในปัจจุบัน สร้างยอดขายได้สูงสุดในสัดส่วน 80% เมื่อเทียบกับรสชาติอื่น โดยการทำแคมเปญมิวสิคมาร์เก็ตติงในครั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างแบรนด์มาม่าให้มีความสดใสและมีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น จากเดิมกลุ่มผู้บริโภคจะมองมาม่าเป็น สินค้าเพื่อบบรรเทาความหิว และความยากลำบากของชีวิต หลังจากที่แบรนด์ มาม่า อยู่ในตลาดมานานถึง 40 ปี

ส่วนภาพรวมยอดขายบริษัทในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมาเติบโต 10% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยพบว่า ความนิยมในการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยเพิ่มมาอยู่ที่ 39 ซองต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนที่คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ 37 ซองต่อคนต่อปีและมีแนวโน้มขยายตัวได้มากในอนาคต ซึ่งบริษัทได้ทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า จากแผนการตลาดที่วางไว้จะทำให้สิ้นปีนี้ มียอดขายเติบโต 10% จากปีก่อนหรืออยู่ที่ 9,500 ล้านบาท

ปัจจุบัน มาม่า มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 53% ในตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถือว่าเป็นผู้นำในตลาด นอกจากนี้ มีแผนลงทุนเพิ่มเครื่องจักรผลิตสินค้ามาม่าแบบถ้วยขึ้นอีก 2 เครื่อง จากปัจจุบันมี 3 เครื่อง ซึ่งจะเริ่มติดตั้งในปลายปีนี้ 1 เครื่อง และในต้นปีหน้าจะเริ่มติดตั้ง 1 เครื่อง รองรับความต้องการของลูกค้าบริโภคมาม่าแบบถ้วยเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 10% หรือมีมูลค่า 13,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมาตลาดรวมเติบโต 8%

ส่วนแผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า น้ำผลไม้ ยูนิฟ เพื่อวางจำหน่ายในช่องทางร้านค้าโชห่วย และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ามันฝรั่งแบรนด์ มิสเตอร์ โปเตโต้ เชื่อมั่นว่า ในปีแรกจะสร้างยอดขายได้ 150 ล้านบาท และในปีหน้าจะสร้างยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายของบริษัท สหพัฒนพิบูล ในสิ้นปี 54 นี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% จากปีก่อน