posttoday

ลีวายส์รุกหนักตลาดยีนส์ปีหน้า

13 กันยายน 2554

ดีเคเอสเอช ได้ต่อสัญญาลีวายส์อีก 5ปี กางแผนรุกหนักตลาดแฟชั่นยีนส์ปีหน้า ทุ่มงบตลาดมากที่สุดในรอบ24ปีพร้อมปรับลดราคาเหลือ 1,000-2,000บาทสู้คู่แข่ง

ดีเคเอสเอช ได้ต่อสัญญาลีวายส์อีก 5ปี กางแผนรุกหนักตลาดแฟชั่นยีนส์ปีหน้า ทุ่มงบตลาดมากที่สุดในรอบ24ปีพร้อมปรับลดราคาเหลือ 1,000-2,000บาทสู้คู่แข่ง

นายพรศีล บุทกัสกา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ผู้แทนจัดจำหน่าย และทำตลาดเครื่องแต่งกายและยีนส์ แบรนด์ “ลีวายส์” เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทได้ต่อสัญญาเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ลีวายส์ จากบริษัทแม่ ลีวายส์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ไปอีก 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ทำให้บริษัทมั่นใจที่จะลงทุนในทุกด้าน เพื่อสร้างแบรนด์และขยายตลาดของลีวายส์ โดยในปีหน้าบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มงบทำตลาดในระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งถือว่าเป็นการใช้งบฯมากที่สุดในรอบ24ปี ภายใต้การทำตลาดของดีเคเอสเอชไ้ด้สิทธิ์ทำตลาดในไทย และแบรนด์ดังกล่าวอยู่ใสตลาดไทยมานานกว่า 60ปี เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 พร้อมกันนี้ บริษัทยังจะหันมาเน้นทำตลาดสินค้าในระดับราคาที่ถูกลง และปรับราคาสินค้าให้ลดลงเหลือราคาประมาณ 1,000 บาทปลายถึง 2,000 บาทต้นๆ เพื่อให้ใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ระดับราคาอยู่ที่ 1,000-2,000 บาท จากเดิมราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2,500 บาท อาทิ ลีวายส์รุ่นเคิร์ฟไอดี จากเดิมราคา 2,700 บาท แต่ในปีหน้าจะปรับให้ลดลงเหลือ 1,000 บาทปลายๆ หรือ 2,000 บาทต้นๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันจะปรับสัดส่วนสินค้าระดับราคาต่ำกว่า 2,500 บาทให้เพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ทั้งนี้เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของลูกค้าวัยรุ่นและต่างจังหวัดจะชื่นชอบยีนส์ของ ลีวายส์เป็นอันดับ 1 แต่ด้วยราคาที่สูงจึงจะหันไปซื้อสินค้าคู่แข่งที่ราคาถูกกว่า ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับราคาลดลงเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่าย ขึ้น 

นายพรศีล กล่าวว่า บริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนฐานลูกค้าวัยรุ่นจากเดิมที่มีสัดส่วน 35% ให้เป็น 50% ในสิ้นปีหน้า และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของลีวายส์ให้เพิ่มอีก 5% จากปัจจุบันมีอยู่ 40% ของตลาดรวมยีนส์ในปัจจุบัน 7,000 ล้านบาท (เฉพาะการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า) ขณะที่อัตราการเติบโตบริษัทวางไว้ในเบื้องต้น 10% สำหรับปีนี้บริษัทมั่นใจจะเติบโต 10% จากในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโตแล้ว 10% แม้ว่าการแข่งขันในตลาดจะรุนแรงมาก เนื่องจากคู่แข่งใช้กลยุทธ์ด้านราคา ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทได้ออกแคมเปญระดับโลก “GO FORTH” เจาะตลาดวัยรุ่นสร้างกระแสคนรุ่นใหม่ให้คิดเชิงบวกอย่างกล้าหาญ ท้าทายความฝันด้วยความมั่นใจ เปลี่ยนแปลงโลกของตัวเองให้ดีขึ้น โดยจะเน้นสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก