posttoday

แนะลงทุน 4 กลุ่มธุรกิจ รับอานิสงส์กำลังซื้อปีหน้าฟื้น

12 ตุลาคม 2560

โดย...พรสวรรค์ นันทะ

โดย...พรสวรรค์ นันทะ

งานสัมมนา “ดัชนีหุ้นไทย 2,000 ได้เห็นหรือแค่หวัง” มีการแนะนำเทคนิคการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าที่หน่วยงานสำคัญต่างปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) สูงขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจะโตที่ 3.8% คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) 3.7-4% ซึ่งการที่เศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อในประเทศก็น่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นกว่าปีนี้ควรลงทุนในหุ้นกลุ่มใด เพื่อให้ได้อานิสงส์มีคำแนะนำที่น่าสนใจดังนี้ 

จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีปีหน้าน่าจะเห็น 1,900 จุดได้ และหากมีเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เข้ามาหนุนด้วย กำไรของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด (บจ.) ก็จะดีขึ้นอีก ซึ่งภาพที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีมีพื้นฐานเศรษฐกิจดีนั้น โดยปกติหุ้นใหญ่จะฟื้นตัวได้ก่อนหุ้นเล็ก นักลงทุนควรปรับพฤติกรรมการลงทุนจาก 3-4 ก่อนที่มักเล่นหุ้นเล็กเปลี่ยนมาลงหุ้นใหญ่แทน

“ภาวะเศรษฐกิจดี กลยุทธ์คือ ควรลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่แทนการลงทุนในหุ้นตัวเล็ก เพราะปีหน้าถ้าการเมืองนิ่งเศรษฐกิจเดินได้ แรงส่งเศรษฐกิจทุกตัวทำงาน การบริโภคฟื้น การลงทุนภาคเอกชนก็น่าจะตามมา การบริโภคหรือกำลังซื้อฟื้น นักลงทุนต่างชาติย่อมเข้ามาลงทุนด้วย ส่วนหนึ่ง เพราะยังลงทุนในบ้านเราในสัดส่วนที่น้อยหลังออกไปในช่วงซับไพรม์ อีกอย่างถ้าเศรษฐกิจไทยโตดีมีหรือที่ต่างชาติจะไม่เข้ามาซื้อลงทุน และเขาก็ต้องเข้าหุ้นใหญ่ที่สภาพคล่องสูง” จิตรา ระบุ

จิตรา กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจดีเช่นนี้ หุ้นในกลุ่มที่จะได้อานิสงส์น่าจะอยู่ใน 4 กลุ่มหลัก คือ อันดับหนึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะถ้าเศรษฐกิจเติบโต การบริโภคจะขยายตัวดีขึ้น อันดับสอง อี-คอมเมิร์ซที่เติบโตตามกำลังซื้อโดยตรง กลุ่มที่สาม มีเดียที่น่าจะกลับมาดีตามเศรษฐกิจขาขึ้นที่จะมีการจองโฆษณาที่น่าจะทะลักและเริ่มมาตั้งแต่หลังเดือน ต.ค.ปีนี้เป็นต้นไป และกลุ่มที่สี่ กลุ่มธุรกิจมือถือจากที่เคยกำไรหดตัวมา 3 ปีก่อน ในปี 2561 เป็นต้นไปกำไรน่าจะกลับมาโตแรง

อย่างไรก็ดี หุ้นในกลุ่มพลังงานก็น่าจะรับดีขึ้นตามเศรษฐกิจด้วย แม้ว่าปีหน้าราคาน้ำมันจะยังปรับขึ้นมากนักก็ตาม

ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในปีหน้าหุ้นที่จะดีตามเศรษฐกิจมองว่าหุ้นใหญ่น่าจะมาก่อน เพราะเมื่อเศรษฐกิจดีก็เริ่มเห็นสัญญาณมีการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่เป็นสัญญาการลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น คาดว่าหลังเดือน ต.ค.ปีนี้จะชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ดี การลงทุนต้องดูจังหวะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดคิวอีด้วย เพราะถึงจะกระทบไทยเราไม่มาก แต่คงกระทบประเทศเพื่อนบ้านเรามากขึ้น

“ปีหน้าการเทรดหุ้นกลุ่มที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ค่อยๆ ขึ้น และกลุ่มประกัน การรับเหมาก่อสร้างที่พี/อี ไม่แพงก็ถือว่าน่าสนใจ”ประกิต กล่าว 

พิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจรอบนี้ต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะมีการกระจายตัวที่กว้างขึ้นและปีหน้าจะดีกว่านี้ เพราะขนาดเศรษฐกิจ 70-80% พึ่งพิงและเกี่ยวเนื่องกันในภูมิภาคมากขึ้น แม้ปัจจุบันจะขยับขึ้นบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ปัจจุบันนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตลดขนาดการถือลงทุนในตราสารหนี้เข้ามาอยู่ในตราสารทุนมากขึ้น ซึ่งในระดับโลกตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้อานิสงส์ในการฟื้นตัว

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย ประเทศไทยก็เริ่มถูกมองว่าเป็นจุดที่น่าจะลงทุน เพราะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการเติบโตของการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันต่างชาติยังเข้ามาลงทุนในไทยน้อย แต่ในปีหน้าการเข้ามาลงทุนน่าจะมากขึ้น เพราะไทยก็ถือเป็นประเทศที่ได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกรอบนี้ด้วย ซึ่งต่างชาติจะเข้ามาในกลุ่มธนาคารพาณิชย์