posttoday

หุ้นปันผล… ทางเลือกลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม

11 กรกฎาคม 2560

โดย...ฐนิตา ตุมราศวิน กองทุนบัวหลวง

โดย...ฐนิตา ตุมราศวิน กองทุนบัวหลวง

คำกล่าวของ จอห์น เบอร์ นักลงทุนที่มีอิทธิพลต่อเซียนหุ้นระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับ “หุ้นปันผล” ได้เป็นอย่างดี ที่ว่า “A cow for her milk, A hen for her eggs, And a stock, by heck, for her dividend” นั่นหมายถึง “เงินปันผลสม่ำเสมอ” ตลอดการถือครองหุ้นตัวนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้กำหนดมูลค่าราคาหุ้นด้วย ไม่ใช่แค่พิจารณาเฉพาะราคาหุ้น ซึ่งเคลื่อนไหวตามกำไรของบริษัทเพียงอย่างเดียว สอดรับกับข้อเท็จจริงที่ว่าราคาหุ้นในพอร์ตที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นยังคงมีความไม่แน่นอน และถือเป็นกำไรที่ยังไม่ได้รับจริง แต่เงินปันผลนั้นถือเป็นผลตอบแทนที่ได้รับจริง

5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดวิกฤตหนี้ยูโรโซนใน พ.ศ. 2556 จนถึงปัจจุบัน เกิดสารพัดปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน ทั้งราคาน้ำมันตกต่ำ ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ หรือภาวะเศรษฐกิจจีน (คู่ค้าหลักของอาเซียน) ชะลอตัว ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ช่วงดังกล่าวแทบไม่สร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนเลย แตกต่างไปจากดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET TR Index (รวมผลตอบแทนจากสิทธิในการจองซื้อหุ้นและเงินปันผลที่นำไปลงทุนต่อ) กลับสร้างผลตอบแทนได้กว่า 15% บนพื้นฐานจ่ายเงินปันผลในตลาดหุ้นไทยในอัตราค่อนข้างสม่ำเสมอราว 3% ต่อปี

ยิ่งไปกว่านั้น หากมองในมุมผลตอบแทนการลงทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ในปีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงแรง SET TR Index จะปรับลดลงน้อยกว่า SET Index และสามารถฟื้นกลับคืนสภาพได้เหนือกว่าในปีหลังเกิดวิกฤต สะท้อนว่าการลงทุนในหุ้นปันผลนั้นผันผวนน้อยกว่า SET Index

นักลงทุนหลายท่านอาจคิดว่า บริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตค่อนข้างต่ำ และไม่ต้องการใช้เงินลงทุนเพื่อขยายกิจการสักเท่าไร จึงสามารถนำกระแสเงินสดในการดำเนินงานมาจ่ายเป็นเงินปันผลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทสามารถจัดสรรเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นบนฐานกำไรสะสม (ROIC) ได้เหนือกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

พร้อมทั้งยังจ่ายเงินปันผลได้มากและอย่างต่อเนื่องได้ และยิ่งบริษัทไหนจ่ายเงินปันผลสุทธิได้เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับรายได้และกำไรที่เติบโต หุ้นของบริษัทเหล่านั้นก็จะถือเป็นหุ้นปันผลที่มีการเติบโต ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของนักลงทุน สามารถถือครองได้อย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างหุ้นปันผลที่มีการเติบโตเด่นชัด คือ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ด้วยลักษณะธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ มีหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับต่ำ และมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเผชิญวงจรเศรษฐกิจอันผันผวน จึงมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้สูง

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานยังคงเติบโต จากการเพิ่มกำลังการผลิตไปตามความต้องการใช้ไฟฟ้า จนเรียกว่ามีลักษณะเหมือนตราสารทุน คือมีความมั่นคงของเงินปันผล เปรียบได้กับอัตราดอกเบี้ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งค่อนข้างคงที่ พร้อมทั้งยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นอีกด้วย

จาก MSCI Thai Utilities Index ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าไทยสูงขึ้นกว่า 125% และเมื่อรวมกับเงินปันผลโดยเฉลี่ยในระดับ 4.2% ต่อปี แล้วนำไปลงทุนต่อ จะทำให้ผลตอบแทนรวมสูงถึง 250% โดยใน 5 ปีหลัง หุ้นในกลุ่มยังมีเงินปันผลที่จ่ายจริงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นอกจากนี้ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอและมีการเติบโตดี ยังเป็นตัวสะท้อนการจัดสรรเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพและสุขภาพทางการเงินของบริษัทในอนาคต รวมถึงการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงของบริษัทในการลงทุนที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นระยะยาว

นอกจากการลงทุนในหุ้นปันผลโดยตรงแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสูงน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะช่วยสร้างคุณค่าผ่านการรับเงินปันผลของกองทุนรวมแล้ว และด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ผู้ลงทุนยังสามารถเป็นเจ้าของกิจการที่มีการจ่ายปันผลสูงและมีศักยภาพเติบโตดี ได้หลากหลายบริษัทในเวลาเดียวกัน รวมทั้งยังมีทีมงานมืออาชีพคอยหมั่นตรวจสอบผลการดำเนินงานในแต่ละกิจการ เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงต่อการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย