posttoday

ดัชนีเดินหน้าทดสอบ 1,398 จุด

07 มีนาคม 2559

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

โดย...บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย

ช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.พ.2559 นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดห้นไทยได้อย่างที่คาดหวัง นับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.– 3 มี.ค.2559 นักลงทุนต่างประเทศทำการซื้อสะสมกว่า 1.5  หมื่นล้านบาท ต่อเนื่องรับกับที่ซื้อสุทธิใน SET50 Futures มาตั้งแต่ต้นปี 2559 กว่า 1.29 แสนสัญญา สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรเขียนในบทความตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีโอกาสสูงที่จะเห็น Fund Flow ไหลกลับเข้ามาขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย

ประเมินว่าในช่วงต้นถึงกลางเดือน มี.ค.2559 นักลงทุนต่างประเทศน่าจะยังคงเข้าซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนต่างๆดังนี้

1.ความคาดหวังของตลาดที่การประชุมของธนาคารกลางต่างๆ จะมีการออกนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายขนาดวงเงิน QE ของธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดว่าจะทำให้มีกระแสเงินเข้ามายังตลาดตราสารหนี้กลุ่ม Emerging Market  รวมไปถึงความคาดหวังที่ Fed จะคงดอกเบี้ย และส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการขายทำกำไรใน US Dollar และเกิดกระแสการเก็งกำไรค่าเงินในสกุลต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย ทั้งนี้ยังต้องติดตามตัวเลขอัตราการว่างงานที่จะประกาศในวันที่ 4 มี.ค.2559 ซึ่งตลาดคาดที่ 4.9% และการจ้างงานนอกภาคเกษตร คลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่ม 1.98 แสนตำแหน่ง 

2.การเข้าซื้อในพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างประเทศยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ต้นปี 2559 จะพบว่านักลงทุนต่างประเทศได้ทำการเข้าซื้อสุทธิในพันธบัตรไทยกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท แต่เป็นซื้อสุทธิในพันธบัตรอายุต่ำวก่า 1 ปีกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่านักลงทุนต่างประเทศมีการขายพันธบัตรระยะยาวและสลับมาเป็นระยะสั้นมากขึ้น สะท้อนว่านักลงทุนต่างประเทศขนเงินมาพักเพื่อเก็งกำไรในค่าเงินบาทอย่างชัดเจน

3.Earning Yield Gap (ส่วนต่างระหว่าง Earning Yield – Bond Yield) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.9% อยู่ในโซนที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ที่ 5% หากย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์ระหว่าง Earning Yield Gap และ SET Index จะพบว่าเมื่อ Earning Yield Gap ขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 5% เมื่อใด SET Index ก็มักจะมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญทุกครั้ง (มี 2 ครั้งคือการฟื้นตัวจากระดับ 1,205 จุด เมื่อ ม.ค.2557 และ การฟื้นตัวจาก 850 เมื่อ ต.ค.2554) ทั้งนี้Earning Yield Gap ที่ค่อนข้างกว้างกว่าปกติ น่าจะเป็นแรงจูงใจให้มีเงินโยกออกจากตราสารหนี้ย้ายมายังตลาดทุนมากขึ้น บวกกับกระแสการแข็งค่าของเงินบาท และแนวโน้มการฟื้นตัวของ SET Index ก็อาจเป็นตัวหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมายังตราสารทุน โดยเฉพาะพวกหุ้นBig & Middle Cap ใน SET50 Index

4.ตั้งแต่ต้นปี 2559 – ปัจจุบัน มีสัญญาณชี้นำ Fund Flow ขาเข้าจากการเข้าซื้อต่อเนื่องของ NVDR กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท และการซื้อสุทธิใน SET50 Futures ของนักลงทุนต่างประเทศ ด้วยยอดสะสมกว่า 1.14 แสนสัญญา ซึ่งการซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องใน SET50 Futures สามารถที่จะชี้นำล่วงหน้าต่อโอกาสในการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในตราสารทุนได้เกือบทุกครั้ง

5.15 ก.พ.– 3 มี.ค. 2559 นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิในตราสารทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท หากไปดูรอบการเข้าซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศใน 6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อสุทธิอยู่ 16 รอบด้วยกัน ตั้งแต่ 8 พันล้านบาท จนถึง 1.09 แสนล้านบาท ซึ่งถ้ามองเฉพาะตั้งแต่ที่มีการทำรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.2557 นักลงทุนต่างประเทศจะมีรอบเข้าซื้อสุทธิอยู่ 6 รอบ ตั้งแต่ 8 พันล้าน ถึง 4.4 หมื่นล้านบาท เฉลี่ย 5 รอบอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท รอบปัจจุบันมีการเข้าซื้อแล้วกว่า 1.5 พันล้านบาท ถ้าจะเทียบกับสถิติในอดีตอาจคาดหวังที่จะเห็นยอดสะสมเเป็น 2– 2.3 หมื่นล้านบาทได้ เท่ากับกว่ายังคาดหวังที่จะเห็นเข้าเพิ่มได้อีก 5 - 8 พันล้านบาทได้

ปัจจุบัน SET Index มีExpected PER ที่ระดับ 14.85 เท่า หากนักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้ออย่างที่คาดหวัง คาดว่าจะดัน Expected PER จาก 14.5 เท่าสู่ 15 เท่า และ 15.5 เท่าได้ (อิงจาก EPS ปี 2559 ที่ 90.2 บาทต่อหุ้น) ซึ่งน่าจะทำให้ SET Index เดินหน้าเพื่อไปทดสอบ 1,398 จุดได้