posttoday

6 สิ่งที่ควรทำช่วงปลายปี

26 ธันวาคม 2556

โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ / https://www.facebook.com/VI.Kitichai

โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ / https://www.facebook.com/VI.Kitichai

ปกติช่วงปลายปี จะเป็นช่วงแห่งความสุขสันต์ เนื่องจากจะมีวันหยุดยาวและเทศกาลต่างๆ และเป็นช่วงที่คนพยายามจะรีบเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จสิ้นไป มีงานเลี้ยงปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือกระทั่งคริสต์มาสที่|คนไทยที่ถึงแม้ไม่ใช่คริสตศาสนิกชนก็ยังขอร่วมแจมเฮฮาไปกับเขาด้วย

แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านทำกัน ซึ่งผมเองก็จะทำอยู่เป็นประจำช่วงปลายปีคือ

1.ทบทวนสิ่งที่เราทำไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันว่า เราได้ทำสิ่งดีๆ กับตัวเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน สังคมไทย และโลกอย่างไรบ้าง สิ่งใดที่ดีก็จะนำไปปฏิบัติต่อในปีหน้า สิ่งที่ไม่ดีก็ต้องหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้น

ส่วนในด้านการลงทุน ผมก็มักจะทบทวนดูว่า การลงทุนในปีนั้นๆ ได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไปมีรายการไหนที่ตัดสินถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร โดยเปรียบเทียบกับ BENCH MARK โดยหุ้นผมจะใช้ SET INDEX เป็น BENCH MARK บวกกับอัตราเงินปันผลซึ่งผมมักจะตีคร่าวๆ ว่ามีค่าเท่ากับ 3% ซึ่งก็จะคำนึงถึงสภาพตลาดหุ้นและ SECTOR ของหุ้นที่ผมลงทุนประกอบด้วย และจุดมุ่งหมายที่ตัดสินใจลงทุนตั้งแต่แรกว่าคิดอย่างไร และเป็นไปตามที่คิดไหม ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ผมจะดูจากผลตอบแทนที่ได้รับ และความเร็วในการขาย

2.ทบทวนหนี้สิน (ถ้ามี) ว่าเป็นหนี้ที่เกิดจากอะไรบ้าง และอัตราดอกเบี้ยสูงต่ำอย่างไร โดยพยายามที่จะไม่ก่อหนี้เพื่อสินค้าที่เสื่อมมูลค่าได้ง่าย เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ปัจจุบันนี้ธุรกิจผ่อนสินค้า รุกไปถึงเครื่องสำอาง และทัวร์ แล้ว ผมไม่เข้าใจคนที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ด้วยเงินผ่อน|คิดอย่างไร โดยเฉพาะเครื่องสำอางและทัวร์ ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเลย ยกเว้นแต่ท่านมีเงินมากพออยู่แล้ว อยากซื้อมาใช้หรืออยากไปเที่ยว อย่างนั้นไม่ว่ากัน

ส่วนคนที่เป็นหนี้ควรจะพยายามลดและล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงที่สุดไปก่อน ส่วนมากมักจะเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หลังจากล้างหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงไปหมดแล้ว ค่อยมาเปรียบเทียบดูว่าระหว่างคงหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ กับมีเงินเหลือนำไปลงทุนในทรัพย์สินที่คาดแล้ว ผลตอบแทนได้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่ 1.50-2 เท่าเป็นต้นไป หรือจะไปล้างหนี้ให้หมดเสียก่อน แล้วค่อยคิดที่จะลงทุนนั้นแล้ว แต่ RISK APPETITE ของท่านและความเชื่อมั่นของทรัพย์สินที่จะลงทุนว่า มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดหวัง และควรตั้งสัตย์ปฏิญาณตน ว่าจะไม่ก่อหนี้ดังกล่าวอีก

3.คำนวณรายได้ทั้งปี เพื่อที่จะซื้อกองทุน LTF และ RMF ซึ่งท่านสามารถที่จะซื้อได้ไม่เกินอย่างละ 15% ของรายได้ และไม่เกิน 5 แสนบาท สำหรับแต่ละอย่าง ซึ่งกองทุนเหล่านี้ท่านสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ยิ่งท่านที่มีฐานภาษีที่สูง ยิ่งได้ประหยัดภาษีได้มาก

4.ซื้อประกันชีวิต ซึ่งท่านสามารถนำเงินที่จ่ายไป ไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 1 แสนบาทเลยทีเดียว

5.ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะท่านที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุกๆ ปี ทำให้เราทราบว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาลักษณะการใช้ชีวิตของเรา เป็นการส่งเสริมหรือทำลายสุขภาพของเราเอง ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนสูงลิ่ว ดังนั้นการที่มีสุขภาพที่แข็งแรงทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้ไปได้มากทำให้ท่านมีเงินเหลือ ที่จะไปลงทุนเพิ่มสร้างผลตอบแทนและเสริมความมั่นคงให้กับชีวิตของท่าน

6.วางแผนทั้งด้านการลงทุนและการใช้ชีวิตในปีหน้า ว่าจะดำเนินไปในทางใด โดยปกติช่วงปลายปีผมจะคิดว่าปีใหม่นี้ผมจะกำหนด NEW YEAR RESOLUTION ไว้ ซึ่งปีนี้ NEW YEAR REROLUTION ของผมจะให้ความสำคัญทั้งร่างกายและจิตใจ โดยผมตั้งใจจะทำดังนี้

ก.นอนหลับให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะนอนก่อน 22.30 น.
ข.ออกกำลังกาย และฝึกโยคะ สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
ค.เดินสูดอากาศ และรับแดดยามเช้า ช่วงเวลา 07.00-10.00 น. สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง
ง.เลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพลดลงและพยายามเลิกทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
จ.เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศบ่อยขึ้น

บทความนี้ขอส่งท้ายปีเก่า ขอให้ท่านผู้อ่านประสบความสำเร็จในการลงทุนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงถ้วนหน้านะครับ