ครั้งแรกของโลก! อุตสาหกรรมกองทุนร่วมต้านโกง

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 13 แห่งร่วมจัดตั้ง "กองทุนธรรมาภิบาลไทย" ไม่ลงทุนบริษัทคอร์รัปชั่น 

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ในขณะนี้มี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 13 แห่งที่พร้อมจะจัดตั้งกองทุนธรรมาภิบาลไทย ที่จะลงทุนในบริษัทที่มีการกำกับกิจการที่ดีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในกลางปีนี้

"ทุกบลจ.จะมาคัดเลือกหุ้นที่สามารถลงทุนได้ร่วมกัน จากนั้นแต่ละ บลจ. จะไปเลือกลงทุนกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจมาก เพราะทุกกองทุนจะลงทุนตะกร้าเดียวกัน แต่ผลการดำเนินงานจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในระยะยาว ย่อมมาจากกิจการที่มีธรรมาภิบาล" นางวรวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนธรรมาภิบาลโดยการกำหนดรายชื่อหุ้นที่สามารถลงทุนได้ร่วมกันนั้น ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่กองทุนธรรมาภิบาลที่มาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ บลจ.จะแบ่งรายได้ 40% ของค่าธรรมเนียมบริหารจัดการกองทุนไปสนับสนุนโครงการที่เสริมสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชั่น

"เพราะเราไม่สามารถปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐเพียงอย่างเดียว เพราะมันไม่ได้ผล ภาคเอกชนควรจะร่วมมือกัน รวมทั้งประชาชนที่รังเกียจการคอร์รัปชั่นควรจะให้การสนับสนุนกองทุนนี้ หรือ หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้า และใช้บริการจากบริษัทที่โกง ไม่มีธรรมาภิบาล" นางวรวรรณ กล่าว

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "การตั้งกองทุนธรรมาภิบาลไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะการต่อต้านคอร์รัปชั่นไม่ใช่แค่พูด ต้องลงมือทำ ซึ่งเวลาพูดว่า หน้าที่ในการต่อต้นคอร์รัปชั่นเป็นของใคร ทุกคนจะชี้นิ้วไปที่ภาครัฐ แต่น้อยครั้งมากที่จะบอกว่าเป็นหน้าที่ของเรา"

"คนไทยพร้อมที่จะหยิกเนื้อตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าต้องการให้ธุรกิจมีความรับปิดชอบต่อสังคม ก็อาจจะหมายถึงเราต้องยอมจ่ายค่าสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นกองทุนนี้ต้องวัดใจกันว่า นักลงทุนจะเลือกลงทุนในกองทุนที่มีข้อจำกัดหรือไม่ หรือ จะลงทุนในบริษัทที่ไม่มีธรรมาภิบาล แต่ได้ผลตอบแทนดีหรือไม่" นายรพี กล่าว

นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นในฐานะประธานการประชุมประกาศเจตนารมณ์รวมพลังตลาดทุน ตลาดการเงิน ร่วมก่อตั้ง "โครงการกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย" ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจที่ดีของอุตสาหกรรมกองทุนรวม แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ควรจะมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนด้วยความโปร่งใส พร้อมกับเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่เข้าหลักเกณฑ์ให้สาธารณะรับรู้

"จำเป็นต้องเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่สามารถลงทุนได้ เพราะถ้าต้องการให้มีผลต่อสังคม ทุกอย่างต้องโปร่งใสและเปิดเผย ถ้าไม่เปิดเผยรายชื่อก็จะไม่มีผลอะไร" นายอานันท์ กล่าว

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ดำเนินการประชุมและร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาโครงการกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย