posttoday

THINK BIG, START SMALL...

13 กันยายน 2560

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

สําหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาการลงทุนได้ไม่นาน ผมมักแนะนำให้พวกเขาเริ่มต้นด้วยการลงทุนขนาดเล็ก ในขอบเขตความรู้ที่มี และจัดสรรการลงทุนในแบบที่สามารถจำกัดความเสี่ยงได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดใหญ่ๆ จนต้องขาดทุนและเจ็บตัวหนักๆ ยกตัวอย่างเช่น

หากสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า

ผมจะแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการกำหนดเป้าหมายการลงทุนในระดับราคาที่คิดว่าพอไหว หากเกิดปัญหาการลงทุนไม่เป็นไปตามแผน ก็ยังสามารถรับมือจากค่างวดในการผ่อนชำระได้

จากนั้นก็ให้ทำการเสาะหาข้อมูลและลงพื้นที่ไปดูทรัพย์จริง

ทำการบ้านให้เยอะ ตั้งโจทย์ง่ายๆ ว่า ถ้าคิดจะลงทุนบ้านเช่าหรือคอนโดสัก 1 ห้อง ก็ควรลงพื้นที่ไปดูทรัพย์ชั้นดี (ย้ำว่าชั้นดี) อย่าง 20 ห้อง (ถ้าดูน้อยกว่านั้นอย่าเพิ่ง “คิด” จะซื้อ) ที่ต้องบังคับให้ดูเยอะก็เพื่อให้เห็นความต้องการของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ให้ชัดเจน และเห็นอัตราค่าเช่าที่แท้จริง แทนที่จะรอฟังจากตัวแทนขายหรือโบรกเกอร์แต่เพียงอย่างเดียว และอย่าเพิ่งใจร้อนรีบจอง รีบมัดจำ หรือทำสัญญาใดๆ เป็นอันขาด ให้กลับทบทวนตัวเลขที่บ้าน (อย่ากลัวตกขบวน ของดีมีมาให้ซื้อตลอด)

ในขั้นตอนของการลงพื้นที่ดูทรัพย์นั้น เรายังไม่ต้องเสียสตางค์ลงทุน ความเสี่ยงก็ยังไม่เกิด ดูให้มาก ดูจนเกิดประสบการณ์ว่าแบบไหนเรียกว่าใช่หรือไม่ใช่ ดูจนเข้าใจตลาดของผู้เช่าในพื้นที่ว่าต้องการอะไร ฯลฯ อสังหาริมทรัพย์ ก็เหมือนธุรกิจที่ต้องมุ่งตอบความต้องการลูกค้าหรือผู้เช่าเป็นสำคัญ หากทำได้ตามนี้ความเสี่ยงขาดทุนก็จะลดลงไปได้เยอะแล้วครับ

หากสนใจลงทุนหุ้น

ให้เริ่มต้นลงทุนจากเงินก้อนเล็กๆ สัก 1 ก้อน ในปริมาณที่ถ้าเสียเงินก้อนนั้นไปทั้งหมด จะไม่กระทบกับชีวิต

เริ่มลงทุนด้วยเงินเพียงเท่านี้ก่อนครับ ในขณะเดียวกันก็ศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมไปด้วย (อย่าใช้วิธีลงทุนแบบปากกับหู คือ คอยถามคนอื่น แล้วลงทุนตาม)

เพราะ การลงทุนในหุ้นอาศัยศิลปะมากกว่าศาสตร์เสียอีก หลายคนความรู้เยอะ พอเข้าตลาดแล้วเจ๊งก็มีเยอะนะครับ ผมเองก่อนเริ่มลงทุนหุ้น ศึกษาการลงทุนอยู่ประมาณ​ 1 ปีเต็ม หนังสือเล่มไหนที่ว่าดี ผมอ่านหมด สุดท้ายกำเงิน 1 แสน เข้าตลาดด้วยความมั่นใจว่าศึกษามาพอตัว ก่อนเข้ามุ่งมั่นจะเป็นเซียนหุ้นแบบเน้นคุณค่า ลงทุนไป 3 เดือน ไหงกลายเป็นซื้อๆ ขายๆ ดูแต่หน้าจอ สุดท้ายเจ็บไปเบาๆ ร่วม 30% จากการเทรดไปเทรดมา (เราขายมันขึ้น เราซื้อมันลงเฉย)

ดังนั้น การเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย ฝึกฝนและหมั่นดูอารมณ์ตัวเอง จะช่วยค่อยๆพัฒนาการลงทุนและสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเราได้เป็นอย่างดี

กำหนดกลยุทธ์ให้ชัด เราเป็นนักลงทุนแนวไหน พื้นฐานหรือเทคนิค เกณฑ์การซื้อเป็นอย่างไร ขายเป็นอย่างไร (พอลงทุนนานๆ จะบอกว่า ตัดสินใจขายยากกว่าตัดสินใจซื้อเสียอีก) และที่สำคัญ ต้องยึดตามกลยุทธ์การลงทุนที่เลือก

หากสนใจลงทุนทำธุรกิจ

ก็ให้เริ่มต้นด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คิดว่าตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาลูกค้าได้ ในสเกลเล็กๆ ขึ้นมาก่อน แล้วค่อยเริ่มทำการตลาด ทำการค้าขาย ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แก้กันไป จนได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ

ค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุนอะไรที่ไม่มีผลต่อลูกค้า (ไม่ได้เป็นส่วนในในการตัดสินใจซื้อ) ถือเป็นต้นทุนจมและไร้ความจำเป็น ยังไม่ต้องรีบจ่ายครับ เอาแต่ที่จำเป็นต่อลูกค้าก่อน

ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง มีความคิดอยากทำธุรกิจร้านอาหาร ด้วยเชื่อว่าตัวเองเป็นคนมีฝีมือ ผมจึงแนะนำให้ทำข้าวกล่องจำนวนหนึ่งไปแจกและแบ่งให้เพื่อนๆ ที่ทำงานรับประทานกัน เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับรสชาติ ราคาที่เหมาะแก่การจำหน่าย พร้อมกับคำติชมต่างๆ

เมื่อได้คำแนะนำ น้องคนนี้จึงค่อยๆ ปรับปรุงทั้งรสชาติ ภาชนะบรรจุ และเริ่มรับทำอาหารกลางวันส่งคนในออฟฟิศ (อารมณ์ประมาณฝากซื้อ)จากคนกินกันไม่กี่คน ก็เริ่มเพิ่มปริมาณขึ้น จากออฟฟิศของตัวเองออฟฟิศเดียวบนตึกสูง ก็กลายเป็นมีคนในออฟฟิศอื่นสนใจด้วย สุดท้ายจึงตัดสินใจออกจากงาน มาเปิดร้านอาหาร และรับทำอาหารกลางวันส่งออฟฟิศต่างๆ ในที่สุด

หัวใจสำคัญของการลงทุน ก็คือ การจำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในวงที่บริหารจัดการได้ และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระดับที่คาดหวัง

คิดใหญ่ ฝันใหญ่ยังไง ก็ต้องเดินทีละก้าวครับ

THINK BIG แต่เริ่มด้วยต้นด้วย START SMALL นะครับ