posttoday

คลังสั่งทบทวนภาษีบุหรี่ หลังกลยุทธ์ตลาดไทยสู้ต่างประเทศไม่ได้

21 พฤศจิกายน 2560

คลังสั่งสรรพสามิตหามาตรการอุ้มโรงงานยาสูบ หลังภาษีบุหรี่ใหม่กระทบรายได้หนัก เนื่องจากกลยุทธ์ตลาดสู้บุหรี่ต่างประเทศไม่ได้

คลังสั่งสรรพสามิตหามาตรการอุ้มโรงงานยาสูบ หลังภาษีบุหรี่ใหม่กระทบรายได้หนัก เนื่องจากกลยุทธ์ตลาดสู้บุหรี่ต่างประเทศไม่ได้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้สั่งให้กรมสรรพสามิตหามาตรการช่วยเหลือโรงงานยาสูบ ที่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ ซึ่งแนวทางเบื้องต้นมี 2 แนวทาง ได้แก่ การปรับโครงสร้างภาษีใหม่ หรือช่วยชดเชยรายได้ของโรงงานยาสูบที่หายไปจากรายได้ที่ลดลง

ทั้งนี้ แนวทางแรกคงเป็นไปได้ยากเพราะอัตราภาษีใหม่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 ส่วนการชดเชยรายได้เป็นเรื่องของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะพิจารณา

“รมว.คลัง สั่งให้กรมสรรพสามิตหารือร่วมกับคลัง และให้เร่งรายงานเรื่องนี้กับนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เพื่อสรุปแนวทางช่วยเหลือโรงงานยาสูบ โดยที่ผ่านมากรมได้หารือกับบริษัทบุหรี่ต่างประเทศแล้วหนึ่งรอบ มีทั้งการปรับขึ้นและลดราคาบุหรี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมสรรพสามิตคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว” นายกฤษฎา กล่าว

แหล่งข่าวกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้เชิญบริษัทบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาหารือ ขอให้ปรับเพิ่มราคาขายปลีกบุหรี่บางยี่ห้อที่ก่อนหน้านี้ปรับลงมาไม่เกิน 60 บาท ให้มีราคามากกว่า 60 บาท แต่ทางบริษัทบุหรี่ต่างประเทศบอกว่า ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องการแข่งขันทางการตลาด ภายใต้โครงสร้างภาษีเดียวกัน

แหล่งข่าวบริษัทบุหรี่ต่างประเทศรายหนึ่ง เปิดเผยว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่กระทบกับผู้ค้าบุหรี่ทุกรายไม่ว่าจะบุหรี่ในหรือต่างประเทศ เป็นเรื่องปกติที่จะต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาด สู้กันที่การกำหนดราคาขายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ในส่วนของโรงงานยาสูบที่ได้รับผลกระทบมากน่าจะมาจากการกำหนดกลยุทธ์ตลาดเรื่องการตั้งราคาผิดพลาด เพราะมีบุหรี่หลายยี่ห้อที่สามารถขายราคาต่ำกว่า 60 บาทได้ แต่กลับกำหนดราคาขายปลีกบุหรี่ดังกล่าวทั้งหมดที่ 60 บาท