คนไทยไปนอกแลกเงินบูม

แนวโน้มไตรมาส 4 บูม หนุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินเติบโต เงินเยนญี่ปุ่นครองแชมป์ ซุปเปอร์ริช ตุนเงินสำรองช่วงไฮซีซั่นเต็มที่

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานปริมาณซื้อขายเงินตราต่างประเทศของบุคคลรับอนุญาต ณ เดือน ก.ค. 2560  มีปริมาณธุรกรรมซื้อเงินตราต่างประเทศจำนวน 908.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปริมาณธุรกรรมขาย 909.83 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณการซื้อขายดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 385-376 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มกว่า 3 เท่าตัว ซึ่งเป็นการเติบโตตามการท่องเที่ยว ส่วนจำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตมีจำนวน 1,963 ราย

น.ส.สิตามนินท์ สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ของฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้มีธุรกรรม การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าปริมาณเงินที่ลูกค้าเข้าแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 117% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาเที่ยวไทย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสูงถึง 37 ล้านคน ประกอบกับคนไทยนิยมท่องเที่ยวรูปแบบแบ็กแพ็กในต่างประเทศมากขึ้น โดยเงินสกุลหลักที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน 3 อันดับแรก คือ เงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยนญี่ปุ่น และเงินยูโร ส่วนเงินสกุลในภูมิภาคเอเชีย เช่น เงินวอนเกาหลีใต้ เงินดอลลาร์ไต้หวัน และเงินหยวนของจีน ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

น.ส.สิตามนินท์ กล่าวว่า เงินเยนของญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตรวดเร็ว โดยสัดส่วนการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากเดิม 20% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ใกล้เคียงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปี หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศให้คนไทย อย่างไรตามบริษัทได้เตรียมสำรองเงินสกุลต่างประเทศไว้เพียงพอความต้องการของลูกค้า จะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนอย่างแน่นอน

"การท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้การแข่งขันธุรกิจซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราค่อนข้างรุนแรง มีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทก็มีผลประกอบการที่เติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะมีการบริหารจัดการทั้งให้อัตราแลกเปลี่ยนราคาที่ดีที่สุด (เรต) และมีสาขาให้บริการ 16 สาขา มีสาขาตามห้างสรรพสินค้า และเร็วๆ นี้จะเปิดสาขาที่เมกา บางนา รวมถึงการเปิดให้จองซื้อเงินตราต่างประเทศออนไลน์" น.ส.สิตามนินท์ กล่าว