posttoday

ฟันโทษอาญาเลี่ยงเสียภาษี

19 กรกฎาคม 2560

สรรพากรใช้ไม้แข็งเลี่ยงภาษีดำเนินคดีอาญาทันที เริ่มวันที่ 1 ต.ค.นี้ ยันให้เวลาปรับตัวอีก 2 เดือน

สรรพากรใช้ไม้แข็งเลี่ยงภาษีดำเนินคดีอาญาทันที เริ่มวันที่ 1 ต.ค.นี้ ยันให้เวลาปรับตัวอีก 2 เดือน

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 กรมสรรพากรจะดำเนินคดีอาญากับผู้ประกอบการที่ใช้ใบกำกับภาษีปลอม และหากพบว่าสำนักงานบัญชีให้ความร่วมมือกระทำผิด เช่น หาใบกำกับภาษีปลอมให้ ก็จะดำเนินคดีอาญาทันที โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีต่อใบกำกับภาษีปลอม 1 ใบ หากใช้ใบกำกับภาษีปลอม 10 ใบ ก็รวมเป็น 70 ปี แต่กฎหมายให้จำคุกรวมแล้วไม่เกิน 20 ปี

"ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรมสรรพากรมีระเบียบปฏิบัติว่า ผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอมไม่เกิน 75% ของใบกำกับภาษีทั้งหมด และมาชำระภาษีให้ครบจะไม่ถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ผู้ประกอบการที่ใช้ใบกำกับภาษีปลอมใบเดียวก็จะโดนดำเนินคดีอาญาทันที โดยมีเวลาอีก 2 เดือน ที่ให้ผู้ประกอบการที่ทำผิด ทำให้ถูกต้อง" นายประสงค์ กล่าว

นายประสงค์ กล่าวว่า กระแสโลกเรื่องดำเนินคดีอาญากับผู้หลีกเลี่ยงภาษีมีมากขึ้น เช่น นักฟุตบอลดังในยุโรปหลายคนโดนดำเนินคดีอาญาจำคุกเพราะหลีกเลี่ยงจ่ายภาษี ซึ่งกรมสรรพากรจึงต้องดำเนินการกับผู้เลี่ยงภาษีจริงจังมากขึ้น ตามกระแสที่เป็นอยู่ขณะนี้ เพื่อทำให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ประกอบการ ซึ่งจะเชิญผู้สอบบัญชีมาร่วมชี้แจงด้วย โดยการออกตรวจจะมีการแจ้งว่ากรมสรรพากรจะตรวจเรื่องไหนบ้างที่เห็นเป็นความเสี่ยงการเสียภาษีของผู้ประกอบการรายนั้น เช่น ความเสี่ยงการลง รายได้ไม่ครบ ความเสี่ยงด้านรายจ่ายที่มีมากเกินความเป็นจริง ความเสี่ยงการใช้ใบกำกับภาษีปลอม และความเสี่ยงการลงบัญชีใช้แต่เงินสดไม่มีเงินฝากธนาคาร เพื่อให้ผู้ประกอบการและสำนักงานบัญชีที่รับผิดชอบปิดความเสี่ยงดังกล่าว จะได้ไม่มีความผิดเสียค่าปรับเงินเพิ่มในภายหลัง

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า สำนักงานบัญชีมีส่วนสำคัญในการทำให้ผู้ประกอบการเสียภาษีให้ถูกต้อง เพราะในอนาคตจะต้องดูแลผู้เสียภาษีมากขึ้น จากมาตรการของกรมสรรพากรที่ให้ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาแปลงสภาพเป็นนิติบุคคคล โดยจะดำเนินการได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2560 นี้

นอกจากนี้ การทำบัญชีเดียวเสียภาษีให้ถูกต้องยังมีความสำคัญกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะในปี 2562 การกู้เงินจากสถาบันการเงินต้องใช้งบการเงินที่ยื่นเสียภาษีกับกรมสรรพากรเท่านั้น หากบัญชีไม่ตรงกัน ยังมีหลายบัญชีเสียภาษีไม่ถูกต้องก็จะทำให้มีปัญหากู้เงินเพื่อดำเนินธุรกิจไม่ได้

นายประสงค์ กล่าวอีกว่า กรมสรรพากรได้ขอความร่วมมือสำนักงานตรวจสอบบัญชีทั่วประเทศที่ดูแลผู้ประกอบการเสียภาษี 3 แสนราย และส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้มีการดำเนินการทำบัญชีเสียภาษีให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะได้ให้เวลาปรับตัวเรื่องการทำบัญชีเดียวมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว หลังจากนี้หากดำเนินการเสียภาษีไม่ถูกต้องจะบังคับใช้กฎหมายเอาผิดทางอาญากับผู้เสียภาษีและผู้ให้การสนับสนุนต่อไป