posttoday

ถือSCBซื้อTISCO

19 ธันวาคม 2556

โดย...บล.เอเซีย พลัส (ASP)

โดย...บล.เอเซีย พลัส (ASP)

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส วิเคราะห์หุ้นธนาคารพาณิชย์ โดยคงคำแนะนำ “ถือ” หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และให้ “ขาย” ธนาคารทหารไทย (TMB) ส่วนบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO) แนะนำให้ “ซื้อ”

บล.เอเซีย พลัส ให้ราคาเป้าหมายหุ้น SCB ปี 2557 ที่ระดับ 182.83 บาท จากเดิม 204.53 บาท ภายใต้คาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 19.8% แม้ธุรกิจจะชะลอตัวตามเศรษฐกิจที่ยังซบเซาจากแรงกดดันทั้งปัจจัยภายในและต่างประเทศ ทำให้สินเชื่ออ่อนแรงเหมือนกลุ่ม แต่ธนาคารแห่งนี้ยังชูกลยุทธ์|เป้าหมายROE สูงเช่นเดิม

ผู้บริหาร SCB เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ธุรกิจสำหรับปี 2557 ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ระมัดระวังมากขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจหลักๆ ได้แก่ สินเชื่อสุทธิปี 2557 คิดว่าจะขยายตัว 7-10% จากปีนี้ชะลอตัวจากเป้า 12-15% ในปี 2556

ทั้งนี้ เป้าหมายการขยายตัวสินเชื่อของธนาคารยังต่ำกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่ประเมินไว้เดิมที่ 12% โดย SCB ให้ความหวังกับกลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่ยังเห็นความต้องการสินเชื่อในระบบ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อรายย่อย (เช่าซื้อรถยนต์และที่อยู่อาศัย)

“ธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างกำไร เพื่อให้ยังคงรักษาระดับ ROE ไว้ได้ระดับสูงต่อเนื่องจากปี 2556 คือ 19-22% ด้วยกลยุทธ์หลักคือการลดต้นทุน ทั้งต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย (ให้ต่ำกว่าคู่แข่ง) และควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเคร่งครัดกับเป้าหมายอัตราส่วนต่อทุนต่อรายได้ ปี 2557 ที่ระดับต่ำต่อเนื่องคือ 39-41% นอกจากนี้ยังจะเร่งผลักดันการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม

สำหรับกำไรในไตรมาส 4 ฝ่ายวิจัยคาด เท่ากับ 1.21 หมื่นล้านบาทอ่อนตัวลง 4.2% จากไตรมาส 3 แต่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 21.7% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้สินเชื่อจะโตตามเป้า แต่ค่าใช้จ่ายเร่งตัว สำรองเพิ่มในงวดนี้ธนาคารยังมีการบันทึกรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับดีลของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทรูโกรท (TRUEGIF) และบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนวายุภักษ์กว่า 800 ล้านบาท แต่ SCB จะนำเงินดังกล่าวไปกันสำรองหนี้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับปรุงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2556-2558 เล็กน้อย

สำหรับธนาคารทหารไทยให้มูลค่าที่เหมาะสม 2.62 บาท หลังจากนำส่งรายงาน ธ.พ.1.1 ประจำเดือน พ.ย. โดยมียอดสินเชื่อสุทธิเท่ากับ 4.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากเดือน ต.ค. และ 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรวมแล้ว 11 เดือน เพิ่มขึ้นเพียง 6.4% จากสิ้นปี 2555 ส่วนเงินฝาก ณ สิ้นเดือน พ.ย. เท่ากับ 5.25 แสนล้านบาท เติบโต 1% จากเดือน ต.ค. และขยายตัว 8.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2557 จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 37.9% ด้วยพัฒนาการทางบวกของ TMB ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การที่ธนาคารสามารถเพิ่มฐานเงินฝากต้นทุนต่ำประเภท CASA รวมกับเงินฝากไม่ประจำขึ้นมาที่ 62% ของเงินฝากรวม แม้จะทำให้แนวโน้มต้นทุนเงินฝากสูงขึ้น แต่ในส่วนของอัตราผลตอบแทนที่ยังเห็นสัญญาณบวกจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง จึงยังทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวได้ที่ 2.9-3%

ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัยให้มูลค่าเหมาะสมของ TISCO ที่ 47.41 บาท แม้ว่ากำไรไตรมาส 4 เท่ากับ 973 ล้านบาท อ่อนตัว 14.1% จากไตรมาสก่อน และ 2.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะการสำรองยังเข้ม ค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลเพิ่ม เช่น การส่งเสริมการขาย ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้งวดนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 45.76% จากที่ต่ำเพียง 41.18% ในไตรมาส 3 คาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2556 ยังคงสูงกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ราว 2.2%

สำหรับภาพรวมปี 2557 TISCO สินเชื่อสุทธิเติบโต 10-15% จะเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ ราว 7-8% ของสินเชื่อรวม ส่วนสินเชื่อรายใหญ่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอีก 15-20% คิดเป็นสัดส่วนยังต่ำเพียง 17% ของสินเชื่อรวม ยกเว้นเพียงสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ประเมินว่าจะเห็นการชะลอตัว เนื่องจากมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์