posttoday

แสนสิริ...ซ้ำรอยพฤกษา เรียลเอสเตท

07 ตุลาคม 2556

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

การประกาศลดเป้ายอดขายปี 2557 ของบริษัทแสนสิริ(SIRI)จาก 4.8 หมื่นล้านบาทเหลือ 3.6-3.7 หมื่นล้านบาทนั้นไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ใครเลย

ในภาวะที่บริษัทนี้เผชิญปัญหากำลังซื้อชะลอตัว มากกว่าบริษัทอื่น เพราะนอกจากปัจจัยเศรษฐกิจที่ชะลอแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพงานรับช่วงต่อของผู้รับเหมาก่อสร้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งถูกร้องเรียนจากเจ้าของบ้านที่เป็นข่าวครึกโครมตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.เป็นต้นมา

เมื่อความเป็นเบอร์หนึ่งด้านยอดขาย และที่หนึ่งในใจผู้บริโภค ไม่สามารถร่วมทางกันได้

ในที่สุดบริษัทก็เลือกที่จะลดความแรงด้านยอดขายลงมา ซ้ำรอยอดีตเบอร์หนึ่งด้านยอดขายอย่างบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท(PS)ที่มีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

“อภิชาติ จูตระกูล”ประธานอำนวยการ SIRIให้เหตุผลว่าเป็นการลดเป้าหมายตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เมื่อประเมินแล้วว่าการรุกแรงและเร็วเกินไปเป็นการบั่นทอนกำไรปีนี้ และเกรงว่าจะก่อสร้างไม่ทันโอน

“หากเร่งเป้าขายแต่ผู้รับเหมาก่อสร้างมีงานก่อสร้างมากอาจเป็นปัญหา และการมียอดขายมากยังเป็นการเพิ่มต้นทุน กำไรลด ไตรมาสแรกขาดทุน80ล้านบาท ไตรมาส2และ3กำไรไตรมาสละ500ล้านบาทและไตรมาส4กำไร100ล้านบาท”

ซิตี้กรุ๊ปให้ข้อมูลว่า SIRIเปิดตัวคอนโดมิเนียมก่อนได้รับการอนุมัติจากการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดย 5 โครงการมูลค่า7400ล้านบาทยังไม่มีกำหนดก่อสร้างและคาดว่าจะล่าช้าออกไป4-5เดือน ทำให้คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ล่าช้าไป 10%

ภายใต้นโยบายเชิงรุกจนครองแชมป์รายได้อันดับหนึ่งได้สำเร็จเมื่อปี 2555 แต่บริษัทต้องสะดุดขาตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาขาดทุนตามมา เนื่องจากโอนงานไม่ทันตามกำหนด การบริหารต้นทุนไม่ราบรื่น และประสบปัญหาด้านคุณภาพงานก่อสร้าง

ปี 2556SIRIยังคงเป้ายอดขายที่ 4.8 หมื่นล้านบาท โดย 9 เดือนแรกมียอดขาย3.72 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่ากำไรจะต่ำกว่าเป้า3000ล้านบาทเพราะใช้เวลาในการโอนคอนโดมิเนียม

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส คาดว่าเป็นไปได้ยากที่SIRIจะถึงเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 3.4 หมื่นล้านบาท เพราะยังขาดอีกกว่า 5400ล้านบาทดังนั้นจึงปรับเป้าหมายรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ลงเหลือ 3.13 หมื่นล้านบาทและคาดว่าไตรมาส3นี้รายได้ยังทรงตัวจากไตรมาส2ที่7000ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายการขายจะลดลงตามจำนวนโครงการใหม่

นักวิเคราะห์ซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่าหากจะบรรลุยอดขาย4.8หมื่นล้านบาทในปีนี้ SIRIจะต้องมียอดขายในไตรมาส4อีก1.14หมื่นล้านบาท ในสภาวะที่ไตรมาส2และ3ที่ผ่านมาการผลักดันยอดขาย7000-8000ล้านบาทยังยาก ดังนั้นต้องขายโครงการเดิมให้ได้5500ล้านบาทและออกเพิ่มโครงการใหม่อีก6400ล้านบาท

ทั้งนี้การจะรุกออกโปรโมชันการขายเพื่อดึงดูดผู้ซื้อยังมีค่าใช้จ่ายที่จะฉุดกำไรให้ลดลงได้

SIRIเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโดยยังไม่ได้รับการประเมินผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดย5โครงการมูลค่า7400ล้านบาทยังไม่มีกำหนดก่อสร้างที่คาดว่าจะทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้าไป4-5เดือนที่จะฉุดรายได้ในปี 2557ลงไปอย่างน้อย10%

บริษัทมีงานในมือ 6.47 หมื่นล้านบาทรอรับรู้รายได้ครึ่งหลังปีนี้ 1.63 หมื่นล้านบาทไตรมาส3ที่ผ่านมามียอดขาย8570ล้านบาทเพิ่มจาก7700ล้านบาทในไตรมาส2 โดยยอดขายนี้มาจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมต่างจังหวัดหลายโครงการทั้งดีคอนโด ใน 6 จังหวัด ที่รังสิต-ธรรมศาสตร์ บางแสน เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่และภูเก็ต รวมถึงเดอะเบส โคราช และเดอะเดค ภูเก็ต

นอกจากลดเป้าหมายยอดขายแล้วบริษัทยังปรับเพิ่มเงินดาวน์คอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่างขึ้นเป็น12%จากเดิม5-7%เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกค้าจะทิ้งใบจองรวมถึงการยกเลิกโปรโมชั่นแจกของแถมช่วงจอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหารกับรายได้ SIRIเตรียมเปิดโรงแรมที่หัวหินและเขาใหญ่โดยใช้แบรนด์เอสเคป แสนสิริ โฮเต็ล คอลเล็คชัน มูลค่า 370 ล้านบาท ทั้งสองแห่งเป็นโรงแรมขนาดเล็ก 40-50 ห้องซึ่งไม่มีผลต่อโครงสร้างรายได้ของบริษทอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะเป็นฐานสำหรับธุรกิจโรงแรมในอนาคต

สำหรับแนวโน้มรายได้ปี 2557นักวิเคราะห์บล.เอเชีย พลัส คาดว่าจะเติบโตได้แม้ว่าบริษัทจะลดยอดขายลงมาเพราะมีงานในมือรองรับแล้ว 1.93 หมื่นล้านบาท รวมถึงอสังหาริมทรัพย์รอขายกว่า 5.2 หมื่นล้านบาทที่จะส่งผลดีต่อค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่แปรผันตามยอดขาย

ทั้งนี้ยอดขายที่ชะลอตัวคาดว่าจะส่งผลต่อการเติบโตของรายได้ในปี 2558-2559 เป็นต้นไปเพราะงานในมือจะทยอยลดลง

“การลดเป้าหมายยอดขายรวมถึงจำนวนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2557 จะส่งผลบวกต่อประสิทธิภาพการทำกำไร ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรปกติปรับสูงขึ้น”นักวิเคราะห์บล.เอเชีย พลัสกล่าว

บล.เอเชีย พลัส ให้ราคาเป้าหมาย 2.99 บาทและแนะนำให้ซื้อ SIRIเพิ่งบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่จะมีรายได้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เมื่อสิ้นปี 2555 ที่ผ่านมา โดย มีส่วนแบ่งการตลาดรายได้อันดับ 1 ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ 16% สูงกว่าบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท หรือ PS ที่ 15% บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH 12% บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ AP 10% บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ QH 7% บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN 7% และบริษัท ศุภาลัย หรือ SPALI6%

แต่เป้าหมายด้านรายได้ไม่ได้เป็นทิศทางเดียวกับกำไรที่ยังไม่ได้แชมป์ตามไปด้วยโดยมีกำไรเพียง3018ล้านบาทยังน้อยกว่าPSที่กำไร3898ล้านบาทแม้ว่าจะมีรายได้เพียง2.7หมื่นล้านบาท ซ้ำรอยกับPS แชมป์เก่าที่เคยบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้

คงมีเพียงบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH)เพียงเจ้าเดียวตอนนี้ที่ครองแชมป์กำไรมาอย่างต่อเนื่องที่5635ล้านบาทจากรายได้เพียง2.67หมื่นล้านบาท

แสนสิริ...ซ้ำรอยพฤกษา เรียลเอสเตท