posttoday

การทำ Soft Power ให้กับชาวเมียนมา

12 กุมภาพันธ์ 2565

คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน

ช่วงนี้ข่าวต่างๆจากประเทศเมียนมา ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวทางด้านการทหารหรือการเมืองในเมียนมาทั้งนั้น อย่างล่าสุดก็มีข่าวท่านพลเอกอาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ส่งเทียบเชิญให้กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา ยกเว้นกลุ่มก่อการร้าย เข้ามาร่วมประชุมฟื้นฟูในกระบวนการเจรจาสันติภาพกันในวันสหภาพเมียนมาครบรอบ 75 ปี ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ 

ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่ร่วมลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) ที่ได้ลงนามไปนานแล้ว ตั้งแต่ยุคของรัฐบาลก่อนๆด้วยซ้ำไป มองไปแล้วยังไม่เห็นมีกลุ่มไหนที่จะตอบรับเข้าร่วมประชุมดังกล่าวเลย ถ้าคาดการณ์ไม่ผิด ผมคิดว่ายากมากนะครับ

การนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ที่ประเทศเมียนมา เหมือนจะมีความหวังกับการเจรจาที่จะเกิดขึ้นนี้ แต่ในความเป็นจริงเป็นอย่างไร จะมีการส่งตัวแทนทางฝั่งของผู้นำกองกำลังหรือเปล่านั้น ยากที่จะคาดเดาได้ เพราะเท่าที่ดูแล้ว หลายๆกลุ่มยังมีความไม่มั่นใจหรือไม่ให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารมาโดยตลอด

ดังนั้นคงยากอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั่นแหละครับ ส่วนข่าวอื่นๆในประเทศเมียนมา ก็เห็นแต่ข่าวการสู้รบ การปราบปราม และการขัดแย้งกันไปหมด เราในฐานะคนไทยที่ทำธุรกิจในดินแดนเขา ผมก็ได้แต่เตือนน้องๆหลายคนว่า อย่าได้หลงเข้าไปในวังวนนั้นเด็ดขาด หรือห้ามไปเชียร์หรือสนับสนุนฝ่ายใดเลยเด็ดขาด เราจะต้องเป็นกลางเท่านั้น 

สิ่งที่ควรจะต้องทำในปีนี้ สำหรับพวกเราชาวผู้ประกอบการในประเทศเมียนมา เราควรต้องใช้ Soft Power เท่านั้น เช่นเราต้องใช้ช่องทางในการทำ CSR เข้าไปช่วยเหลือเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทยและเมียนมา หรือความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อประชาชนชาวเมียนมา 

เพราะวันนี้ที่ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะประชาชนตาดำๆ ล้วนแต่ต้องการการสนับสนุนในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข ด้านการเกษตร ด้านการพัฒนา ฯลฯ

ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศเมียนมาได้ประสบปัญหาจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งมีความรุนแรงกว่าไทยมาก เนื่องจากการบริหารจัดการเรื่องของวัคซีนขาดประสิทธิภาพ ทำให้การกระจายวัคซีนเป็นไปได้ยากมาก แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป

ดังนั้นหากมีคนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ก็จะเป็นพระคุณสำหรับเขาอย่างยิ่งครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้พบเห็นจากการทำงานของคุณชาติชาย เกษนัส ซึ่งได้สร้างสรรผลงานละครเรื่อง “เจ้าพระยาสู่อิรวดี” ที่ได้ออกอากาศไปทาง Thai PBS ไปแล้วครับ ซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากว่า “สุดยอดมาก” โดยส่วนตัวผมเอง แม้จะไม่ได้ชมละครทุกตอน เพราะทราบข่าวจากเพื่อนที่ส่งข่าวมาให้ ละครก็จะจบเสียแล้ว เพราะละครสั้นมาก มีเพียงสิบกว่าตอนเท่านั้น

ก็ต้องบอกว่าเห็นความสามารถและความพยายามของผู้กำกับการแสดงท่านนี้แล้ว ต้องชื่นชมจากใจเลยจริงๆ ที่สร้างผลงานออกมาให้เกิดความรักความเข้าใจอันดีงามระหว่างประชาชนของสองประเทศ ผ่านทาง Soft Power ได้อย่างงดงามจริงๆครับ 

ผมอยากเห็นสิ่งที่ไทยเราหันมามองประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพเช่นนี้ เพราะถึงแม้เขาจะมีระบบการปกครองเช่นไรก็ตาม เราก็ยังคงเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่ ประชาชนระหว่างสองประเทศก็ยังคงไปมาหาสู่กัน อยู่อย่างนี้เหมือนเดิมชั่วนาตาปีครับ

หรือแม้เขาจะมีแรงงานเขามาทำมาหากินในประเทศเราตลอดเวลา ก็ต้องมองต่างมุมกับที่บางคนมองบ้างนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่า นั่นเป็นเพราะเศรษฐกิจของเขาต่ำกว่าบ้านเรามาก เขาจึงต้องดิ้นรนเข้ามาขายแรงงานกันที่บ้านเราอย่างช่วยไม่ได้

เพราะเศรษฐกิจก็เปรียบเสมือนน้ำสองแหล่ง หากแหล่งหนึ่งสูงแหล่งหนึ่งต่ำ แหล่งที่ต่ำกว่าย่อมมีน้ำจากแหล่งที่สูงกว่าไหลเข้าไป ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ดังนั้นต้องมองให้ออกครับ อย่าได้มองดูว่าเขาต่ำต้อยกว่าเราเป็นอันขาดครับ

ดังนั้นหากมีโอกาสทำอะไร ในการช่วยให้ประชาชนทั้งสองประเทศ มีความเข้าใจอันดีงามต่อกันได้ เราต้องร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งนั้นให้เกิดขึ้นให้ได้นะครับ