posttoday

Over Clock & Burn Out

26 พฤศจิกายน 2564

คอลัมน์ Great Talk

สัปดาห์ที่แล้ว เราพูดถึงสภาวะซึมเศร้ากันให้ฟังว่าแต่ละลักษณะของผู้ป่วยที่มีอาการจะแสดงออกอย่างไรบ้าง (ผมได้ยกตัวอย่างของผมเองตอนวัยรุ่นเข้าไปด้วย)อีกทั้งมีการเกริ่นถึง การ Over Clock และการ Burn Out ครับ

สมัยผมเรียนปริญญาตรีผมเรียนสาขาไอทีแล้วก็เรียนบริหารไปด้วยพร้อมกัน เลยมีหลายทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ที่ผมปรับเอามาเป็นแนวคิดของผมเอง

Over Clock เป็นศัพท์เฉพาะของวงการคอมพิวเตอร์ครับ เป็นกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ อุปกรณ์เช่น CPU เร่ง ประสิทธิภาพให้สูงที่สุด เช่น เราซื้อ CPU ที่ความเร็ว 400 MHz แต่นำมาใช้งานที่ 500Mhz แทน อุปกรณ์อื่นๆเราก็สามารถนำมา Over Clock ได้นะครับ ตั้งแต่ RAM ไปจนถึงการ์ดจอ ในภาษาวงการนี้เราใช้แทนว่า 400@500

สมัยเรียนผมต้องใช้คอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่ก็จะซื้อ CPU ต่ำๆ มา Over Clock เอา ราคาจะได้ถูกว่า ซื้อ CPU แรงๆเลย เน้นของดีราคาถูก

แต่ของถูกก็มีข้อเสียข้อเสียของการ Over Clock คือ จะลดอายุการใช้งานของ CPU ลง เช่นจากเดิมใช้งานได้ 15 ปีก็อาจจะลดเหลือ 10 ปี และปัญหาเรื่องความร้อนของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะร้อนมากยิ่งใช้ไปนานๆบางทีร้อนเหมือนจับกาต้มน้ำร้อนเลยครับ

เพราะมันคือใช้งาน เกินลิมิตปกตินั้นเอง ดังนั้นสมัยก่อน ถ้าผมทำ Over Clock คอมพิวเตอร์ที่บ้านก็ต้องเปิดฝาเครื่องแล้วเอาพัดลมเป่าเพื่อระบายความร้อนให้กับ CPU

คราวนี้ผมเอาการ Over Clock มาใช้ในชีวิตยังไงบ้างให้นึกถึงเวลาที่ต้องทำการบ้านหรืออ่านหนังสือสอบ (จะเห็นได้ชัดเวลาที่พรุ่งนี้จะสอบแล้ววันนี้ต้องอ่านหนังสือ) เราก็ต้องอดนอน กินกาแฟบวกกระทิงแดง ตั้งใจอ่านทั้งคืน

ยิ่งผมนี่เวลาใกล้สอบจะไม่นอนครับ อ่านหนังสือทีเดียวแล้วไปสอบเลย พอสอบเสร็จกลับมานอนตายเป็นศพหมีผึ่งแดดเลยครับ

คุณผู้อ่านพอนึกภาพออกใช่ไหมครับ เหมือนชีวิตเราเวลาเราต้องพยายามมากๆ ตั้งใจสุดๆ ทุ่มเททุกอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่เราทุ่มเทไปได้ผลลัพธ์ที่ดีจากความพยายามของเรา ความรู้สึกนี่แบบมันสุดๆใช่ไหมครับ อาการเหมือน “นอนตายตาหลับ”

แต่ถ้าความตั้งใจของเราผลลัพธ์ออกมาแบบไม่ได้ดั่งใจหวัง ความทุ่มเทและความอดทนกลายเป็นความผิดหวังชีวิตมันก็เหมือนพังทลายลงมา ก็เหมือนผลข้างเคียงของการ Over Clock ที่อุตสาห์ทำงานหรือมุ่งมั่นแบบเกินร้อย จนทำให้เครื่องร้อนจนพัง กลายเป็นการ Burn Out ชีวิตหมดเรี่ยวแรง ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานหรือเป้าหมายในชีวิต

บางทีลุกลามไปถึงไม่อยากกินอาหารนอนหลับไม่สนิทไปจนถึงอยากหาอะไรทำไปเรื่อยๆจนดึกดื่นไม่ยอมนอน

หากมีอาการแบบใช้ชีวิต Over Clock จน Burn Out ให้หาวิธีรักษาตัวเองดังนี้ครับ

1.พักผ่อนให้มากขึ้น หาเวลานอนครับ นอนไปเลยนอนตอนไหนก็ได้ให้ร่างกายได้พักเยอะๆ

2.จัดลำดับความสำคัญในชีวิตให้ดี เช่นอะไรสำคัญหรืออะไรต้องทำก่อนทำหลัง ทำเรื่องสำคัญสุดก่อนเช่น ทำงาน ดูแลครอบครัว และนอน พอมีแรงค่อยลุกมาเล่น

3.ไปหาอะไรทำใหม่ๆ เช่นไปเล่นดนตรี ไปเที่ยวทะเลเที่ยวภูเขา ทำกิจกรรมอะไรที่ปกติไม่ค่อยได้ทำ

4.ออกไปหาเพื่อนบ้าง อาจเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน เปลี่ยนกลุ่มดูบ้างลองคบเพื่อนใหม่ๆ

5.อันนี้สำคัญสุด “อย่าคาดหวัง” ในทุกๆเรื่องที่ทำ เช่น อย่าคาดหวังว่าจะไปเจอเพื่อนนิสัยดีๆ ที่กลุ่มใหม่ๆ หรืออย่าคาดหวังว่าจะสนุกสุดเหวี่ยงกับกิจกรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่เราไป เมื่อไม่คาดหวังย่อมทำให้เราพบเจอประสบการณ์อะไรใหม่ๆ กับโลกใบเดิม

สรุปไว้ประมาณนี้ ใครมีอาการแบบไหนก็ลองหาวิธีและลงมือทำกันดูนะครับ