เทรนด์ Digital Marketing มาแรงในปี 2020 (1)

เทรนด์ Digital Marketing มาแรงในปี 2020 (1)

ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า คนส่วนใหญ่ใช้เวลาเล่นโซเชียลจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว บางคนติดโซเชียลถึงขนาดว่าสิ่งแรกที่ทำหลังตื่นนอนคือเข้า Facebook หรือ เช็คไอจีกันเลยทีเดียว

ในเมื่อ Social Media มีความสำคัญที่เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันคนเราขนาดนี้แล้ว ธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ จึงรอช้าไม่ได้ ต้องกระโจนเข้ามาใช้ Social Media เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดเชิงรุกเพื่อหวังว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ง่ายนักในเมื่อโฆษณากับคอนเทนต์นั้นมันล้นทะลัก เนื่องจากการแข่งขันที่สูงมาก

ดังนั้น ถ้าเราติดตามเทรนด์ของ Social Media เสมอก็น่าจะช่วยในเรื่องของการวางแผนการตลาดออนไลน์และอยู่นำหน้าคู่แข่งได้ ดิฉันจึงได้รวบรวมข้อมูลและเทรนด์ Social Media ที่น่าสนใจ 5 เทรนด์สำหรับปี 2020 มานำเสนอค่ะ

เทรนด์ #1 – คอนเทนต์ชั่วคราวแบบ Share Story เพิ่มความนิยมขึ้นเรื่อยๆ

Story คือ เรื่องราวที่เราอยากแชร์เป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วมันก็จะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง เช่น Story ใน Facebook หรือ Instagram จริงๆ แล้วเจ้าแรกที่ใช้ฟีเจอร์นี้คือ Social Media ที่ใช้อย่างแพร่หลายในแถบอเมริกาอย่าง Snapchat ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นที่นิยมอย่างมาก จน Instagram และ Facebook ได้เพิ่มฟีเจอร์นี้ขึ้นมา

ซึ่งล่าสุด LINE ก็ร่วมลงสนามนี้ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ LINE Story ขึ้นมาด้วย

ทุกวันนี้ คนเราให้ความจดจ่อสนใจอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นลงและความสนใจต่อข้อมูลข่าวสารต่างๆ ก็เปลี่ยนไปตลอด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคอนเทนต์อย่าง Story ถึงเป็นที่นิยม เพราะว่ามันสั้น กระชับ น่าสนใจ ถึงขนาดเสพติดเลยก็ว่าได้ เพราะบางคนใช้เวลาดู Story ต่อเนื่องกันได้เป็นชั่วโมงๆ

เทรนด์ #2 – Social ที่เน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม กำลังไปได้สวย

Facebook กับ Instagram ครองโลก Social มานานหลายปี แต่ที่ผ่านมามี Social Media ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่รุ่งก็มี ที่ดับไปก็เยอะ ยกตัวอย่างเช่น Tik Tok ซึ่งเปิดตัวในปี 2016 แล้วเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่น หรือจะเป็น Social Media ในเชิงธุรกิจเช่น Linkedin ซึ่งก็อยู่มานานพอสมควร ซึ่งเทรนด์นี้คาดว่าจะอยู่ไปอีกนานหลายปี

กราฟนี้แสดงให้เห็นการจัดอันดับ Social Media ต่างๆ ตามจำนวนสมาชิก มีหน่วยเป็น: ล้านคน (เครดิต: Statista)

เทรนด์ #3 Instagram หยุดแสดง Like

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของ Social Media ที่เป็นที่พูดถึงอย่างมาก คือ Instagram จะหยุดแสดงไลค์ ซึ่งได้เริ่มทดลองหยุดแสดงไลค์แล้วในบางประเทศ แล้วจะเริ่มขยายออกไปจนครบทั่วโลก

เหตุผลสำคัญในการตัดสินใจหยุดแสดงไลค์ของ Instagram ในครั้งนี้คือ การโพสต์เพื่อเรียกยอดไลค์ของผู้ใช้งานซึ่งกลายเป็นว่ามีโพสต์ที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ Instagram ยังอ้างเหตุผลทางด้านสุขภาพจิตว่ายอดไลค์และการเช็คได้ว่าใครชอบหรือไม่กดไลค์โพสต์เราอาจส่งผลด้านจิตใจของผู้โพสต์ด้วย

แต่ก็มีบางคนแย้งว่า เหตุผลที่ Instagram บอกนั้น ไม่น่าจะใช่ ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงนั้น น่าจะเป็นเรื่องของรายได้มากกว่า เพราะแบรนด์ธุรกิจต่างๆ มักจะจ้าง Influencer หรือเน็ตไอดอลที่มีคนติดตามเยอะๆ เพื่อโฆษณาสินค้า ซึ่งเงินเหล่านี้กลายเป็นว่าไม่ได้เข้ากระเป๋า Instagram เลย

ถ้า Instagram หยุดแสดงไลค์ ก็จะทำให้แบรนด์ต่างๆ ไม่สามารถเช็คผลตอบรับได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้แบรนด์ต่างๆ หันกลับมาซื้อโฆษณากับ Instagram ที่เช็คสถิติได้ ซึ่งการที่ Instagram หยุดแสดงไลค์นี้ น่าจับตาค่ะ เพราะมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นแน่นอน เน็ตไอดอลทั้งหลายคงหนาวๆ ร้อนๆ เนื่องจากรายได้หดหาย คนจ้างหันไปซื้อโฆษณาแทน ซึ่งถ้าผลออกมาเป็นแบบนี้จริง Social Media เจ้าอื่นๆ อาจทำตามด้วยก็ได้

เทรนด์ #4 พัฒนาเป็น Social Commerce มากขึ้น

หลายปีมานี้ ธุรกิจทั้งหลายต่างใช้ Facebook และ Instagram ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับเว็บไซต์และการขายหน้าร้าน ซึ่งเทรนด์นี้ยังอยู่อีกนานและจะขยายเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้ Social Media ต่างก็เห็นความสำคัญจึงเพิ่มฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการขาย เช่น Facebook Page มีเทมเพลตให้เลือกตรงตามประเภทธุรกิจต่างๆ พร้อมทั้งให้ใส่รายการสินค้าต่างๆ เสมือนหน้าร้านออนไลน์ใน Social Media

เทรนด์ #5 คลิปวีดีโอ จะครองโลก

คุณรู้หรือไม่ว่าคนนิยมค้นหาข้อมูลใน Youtube มากเป็นอันดับ 2 รองจาก Google สิ่งนี้มันบ่งบอกว่า การดูวีดีโอมันเป็นที่นิยมมากแค่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวีดีโอคือคอนเทนต์ที่นิยมมากที่สุด มากว่าคอนเทนต์ประเภทอื่นๆ ซะอีก ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอสั้นๆ อย่างใน Tik Tok หรือ Facebook/Instagram Story หรือวีดีโอยาวๆ อย่างใน Youtube

มีงานสถิติวิจัยของต่างประเทศออกมาว่า คลิปวีดีโอจะครองตลาดคอนเทนต์ ถึง 82% ภายใน 2 ปี! ดังนั้น ถ้าคุณต้องการบุกตลาดดิจิตัล ก็ควรเริ่มทำคลิปวีดีโอออกมาได้แล้วนะคะ ไม่เช่นนั้น อาจพลาดโอกาสและไม่ทันคู่แข่งเอาได้ อาจจะเริ่มจากการโพสต์ Story ใน Facebook, Instagram, ในไลน์ หรือในโฆษณา ก่อนก็ได้ค่ะ

บทสรุป

Social Media เป็นอะไรที่การแข่งขันสูงและคอนเทนต์ ฟีดต่างๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าไม่รีบกระโดดเข้ามาร่วมคลุกวงในกับเค้า ก็อาจจะพลาดโอกาสในการแข่งขันได้ อย่าประมาทพลังโซเชี่ยลนะคะ!