สงครามการค้ายังพ่นพิษฉุด ดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.วูบ 3.99%
สศอ.แจงดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมปี 2562” เผย MPI เดือนพฤษภาคมหดตัวร้อยละ 3.99 ได้รับผลกระทบจาก แนวโน้มการค้าโลกชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. 61
สศอ.แจงดัชนีอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมปี 2562” เผย MPI เดือนพฤษภาคมหดตัวร้อยละ 3.99 ได้รับผลกระทบจาก แนวโน้มการค้าโลกชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. 61
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI)เดือนพ.ค. 2562 ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มมูลค่าการส่งออกโลกที่ชะลออย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพ.ย. 2561 โดยมูลค่าการส่งออกโลกในช่วงเดือนพ.ย. 2561 ถึง เม.ย. 2562 ลดลง 1.01% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ MPI ช่วงเดือนพ.ย. 2561 ถึง พ.ค. 2562 ลดลง 0.63% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ลดลง 3.99% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.63% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPIเดือนพ.ค. 2562 ได้แก่ ปุ๋ยเคมี รถยนต์ และเครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องประดับแท้ และ Hard Disk Drive สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง
ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI)เดือนพ.ค.มีการขยายตัว ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัว 13.77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดในประเทศเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดและการเร่งทำตลาดของผู้ผลิตโดยเฉพาะชนิดอินเวอร์เตอร์ และตลาดส่งออกได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศเวียดนาม อินโดนีเซียและญี่ปุ่น รวมถึงอินเดียที่เป็นลูกค้าใหม่ น้ำมันปาล์ม ขยายตัว 26.91 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ ที่ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ขณะที่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำดื่ม ขยายตัว16.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำอัดลม น้ำดื่มให้พลังงาน และน้ำดื่มบริสุทธิ์ ได้อานิสงส์จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงผู้ผลิต ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึงการขยายตลาดในประเทศจีนและเวียดนาม เบียร์ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การปรับเปลี่ยนรูปแบบและขนาดบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ลดลง รวมถึงการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ที่ขยายตัว เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนที่กลับมาผลิตปกติหลังจากผู้ผลิตหยุดผลิตชั่วคราว และผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเหล็กเส้นกลมและเหล็กเส้นข้ออ้อย ได้มีการเร่งผลิตชดเชยการหยุดซ่อมบำรุงในเดือนก่อนของผู้ผลิต