posttoday

ประชาชนคาดหวังอะไรกับครม.ใหม่

27 พฤษภาคม 2562

โดย ดร.ธนิต โสรัตน์    รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย

โดย ดร.ธนิต โสรัตน์    รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย

ท่ามกลางความอึมครึมของเกมส์ช่วงชิงเป็นแกนตั้งรัฐบาล กล่าวได้ว่าวุ่นวายที่สุดครั้งหนึ่งของชาติที่ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เป็นผลจากรัฐธรรมูญฉบับปัดเศษที่ต้องใช้วิชาคณิตศาสตร์ในการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ตามสูตรที่ถกเถียงกันเพราะเข้าใจไม่เหมือนกันถึงขั้นให้ศาลตีความ อีกทั้งยังเขียนกั๊กสกัดไม่ให้มีพรรคการเมืองใดได้ที่นั่งมากในสภาจนทำให้เกิด “Hang Over”หรือสภาวะการเมืองล็อคไม่มีพรรคใดได้เสียงเด็ดขาดนำไปสู่การได้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

หลังผ่านมาได้ 3 เดือนภาพเริ่มชัดเจนว่าพรรคพปชร. หรือพลังประชารัฐ น่าจะเป็นแกนตั้งรัฐบาล โดยหลังจากข่าวกินข้าวของแกนนำพรรคที่เป็นแคนดิเดตแนวโน้มน่าจะปิดดีลกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย เพียงแต่อาจไม่ลงตัวเรื่องโควต้าและกระทรวงที่อยากได้ทำให้เห็นการแตะถ่วงเช่นรอเลือกประธานสภา รอมติพรรคหรือรอฟังเสียงประชาชนว่าจะให้หนุนฝั่งไหนแต่เกมส์การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอนดูเหมือนปชป.จะเป็นตัวแปรมากที่สุดเพราะศึกในพรรคแยกเป็นสองขั้วจำนวนเกือบเท่าๆกันจะไปกันอย่างไร ขณะเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งคุณธนาธรฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไม่มีหัวจะป่วนไหมวันที่อ่านบทความนี้อาจเห็นความชัดเจน

ขอก้าวผ่านประเด็นการเมืองเพราะเบื่อที่จะเขียนและหาอ่านได้จากสื่อต่างๆ เสพข้อมูลพวกนี้ต้องใช้สติและปัญญาต้องดูว่าข่าวจากสำนักไหน-ช่องไหนความน่าเชื่อถือของพิธีกรเป็นสื่อมืออาชีพหรือเป็นพวกปั้นข่าวเป็นอาชีพ โดยเฉพาะข่าวออนไลน์หรือบนมือถือต้องกรองหลายชั้น แต่มาถึงขั้นนี้แล้วชอบไม่ชอบบิ๊กตู่โอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ค่อนข้างสูง เหตุเพราะรัฐธรรมนูญเขียนและออกแบบให้ต้องเป็นแบบนี้ซึ่งผมมักใช้คำว่ารัฐธรรมนูญฉบับ “ Tailor Made”คือเหมือนกับการวัดตัวพอดีเฉพาะคุณประยุทธ์ฯเท่านั้น

ส่วนพวกที่ไปต่อว่า ส.ว. แต่งตั้ง หรือ รณรงค์ปิดสวิตซ์ไม่ให้เขาโหวต ก็เมื่อกฎหมายเขียนมาให้วุฒิมีหน้าที่ยกมือโหวตนายกฯจะไม่ให้เขาทำหน้าที่ได้อย่างไร ส่วนที่จะยกมือให้ใครก็ต้องดูว่า “ใครเป็นคนเลือกเข้ามา”ซึ่งคนตั้งคงไม่โง่พอไปดึงเอาคนที่เป็นกลางจึงไม่แปลกใจว่า ส.ว. 250 คน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องใกล้ชิดกับคนในคสช.เพราะเจตนาเลือกแฟ้นให้มายกมือเชียร์ ตรงนี้ต้องเข้าใจอย่าไปโทษคนที่ถูกชี้มาเพราะเป็นระบบที่ได้วางเป็นโรดแมปแน่นอน ตอนรับร่างรัฐธรรมนูญประชาชนอ่านไม่เข้าใจหรืออ่านไม่ดีว่ามีการซุกซ่อนเงื่อนปมอะไรไว้เมื่อยอมให้ผ่านแล้วเป็นไง เรื่องนี้จะต้องถอดเป็นบทเรียน ในอนาคตที่เสียดาย คือ งบ หรือ เงินที่ใช้ในการสรรหาวุฒิสมาชิกตั้งงบไว้ถึงพันกว่าล้านบาทแต่กลับได้สเปกเท่านี้

กลับมาที่ครม.ที่จะเข้ามาใหม่อย่าฝันเฟื่องว่าจะได้ดรีมทีมมืออาชีพ อีกทั้งการทำงานของรัฐบาลอาจลุ่มๆดอนๆ เพราะพรรคร่วมมีถึง 20 พรรคมีหลากหลายความคิดทั้งจากที่มาและวุฒิภาวะ รัฐมนตรีคงแบ่งตามสัดส่วนโควต้าความเป็นเอกภาพและคุณสมบัติคงไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งคุณประยุทธ์ฯจะชี้นิ้วสั่งซ้ายสั่งขวาไม่ได้ง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา การออกทีวีเป็นทอล์กโชว์เดี่ยวไมโครโฟนคนเดียวคงยาก เพราะแต่ละพรรครู้ว่าเวลามีน้อยรัฐมนตรีจึงต้องเน้นหาเสียง-หาพื้นที่สื่อโชว์หน้าหวังไปถึงช็อตหน้า งานนี้สนุกแน่นอนเพราะนอกจากเจอฝ่ายค้านที่ไม่ธรรมดาพร้อมเสียบได้ตลอดและอาจเห็น  ครม.พูดไม่ตรงกันหรือส.ส.พรรคร่วมบางคนออกมาอัดรัฐบาลในสภา

ด้านประชาชนคาดหวังอะไรกับครม.ใหม่เพราะอย่างที่กล่าวชอบไม่ชอบก็ได้นายกชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้านการเมืองคงว่ากันไปแต่ชาวบ้านอยากให้เร่งทำงานโดยเฉพาะประเด็นปากท้อง โครงการใหญ่ ๆ ประเภทเมกะโปรเจคที่เปิดซองเซ็นสัญญาก็ทำไปแต่ของใหม่ให้เร่งทำโครงการระดับท้องถิ่นเห็นผลระยะสั้นเงินหมุนเวียนให้อยู่ในพื้นที่ชาวบ้านจะได้มีสตางค์

กรณีภาคใต้เศรษฐกิจอ่วมหนักจากพิษสงครามการค้าระหว่างทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง การส่งออกยางและไม้ยางประเภทปาร์ติเกิลบอร์ดหดตัวมากกว่าร้อยละ 50 ราคายางลดต่ำสุดทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมากส่งผลต่อกำลังซื้อหดตัว ตลาดเงียบมากขายของไม่ออกเริ่มเห็นการขายรถยนต์และกระบะเพราะผ่อนไม่ไหว อีกทั้งปาล์มน้ำมันพืชเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อยแต่ชาวสวนยังขายขาดทุน ที่จังหวัดสงขลาโรงงานผลิตยางก้อน-ยางแท่งขนาดใหญ่เริ่มทยอยหยุดการผลิตเพราะสินค้าล้นสต๊อกกระทบไปสู่ธุรกิจใน ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องแม้แต่ฝั่งมาเลเซียซึ่งไทยใช้ท่าเรือปีนังเป็นฐานส่งออกก็พลอยเงียบเหงา

ถึงแม้ฝนจะเริ่มโปรยปรายลงมาบ้างแต่ปัญหาภัยแล้งยังมีความเสี่ยงบวกกับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐกับจีนทำให้ภาคการส่งออกของไทยไตรมาสแรกหดตัวไปถึงร้อยละ 3.6 ต่ำสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 กระทบต่อสินค้าอุตสาหกรรมและพืชผลเกษตรที่ไทยส่งออกไปจีนและประเทศในอาเซียนซึ่งล้วนค้าขายกับจีนในสัดส่วนที่สูงโดยเฉพาะกรณีของยางพาราซึ่งแน่นอนจะทำให้หนี้ครัวเรือนซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับที่ มากอยู่แล้วจะสูงขึ้น ประเด็นเรื่องหนี้ชาวบ้านครม.ใหม่ต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังไม่ใช่แก้แบบฉาบฉวยเหมือนที่ผ่านมา เพราะตัวเลขหนี้ต่อหัวต่อคนของไทยเฉลี่ย 1.78 แสนบาทส่วนใหญ่นำเงินไปใช้จ่ายในครัวเรือนไม่ใช่ไปลงทุนมีมูลค่ารวมกันถึง 12.83 ล้านล้านบาทเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 81 ของจีดีพีเป็น กับดักของการพัฒนาประเทศเพราะใส่เงินเข้าไปเท่าไรก็หายหมด

ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของรัฐบาลใหม่เกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้อง การแก้ปัญหามี เกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือทั้งจากต่างชาติและภายใน การลงทุนใหม่ๆอาจชะลดตัวเพื่อรอดูความชัดเจนของรัฐบาลปริ่มน้ำว่ามีใครบ้าง-จะอยู่อย่างไรและจะอยู่นานไหม อีกทั้งรายงานล่าสุดของสภาพัฒน์ฯหรือสศช. ระบุว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกโตแค่ร้อยละ 2.8 ต่ำสุดนับจากปี 2558 มีการปรับตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5 ล่าสุดปรับลดเหลือร้อยละ 3.6 โจทย์พวกนี้ท้าทายครม.ใหม่ ประชาชนคาดหวังมาให้แก้ไขเศรษฐกิจและปากท้องอย่าเล่นแง่ เล่นเกมส์ แบ่งพวกแบ่งขั้ว จ้องสอยลูกเดียวเมื่อเข้ามาแล้วให้เขามาทำงานไปสักระยะมิฉะนั้นประเทศชาติจะเสียหายเศรษฐกิจมีแต่ถอยหลังเข้าคลองผู้ที่เดือดร้อนก็คือชาวบ้านอย่างพวกเรา...จริงไหมครับ