posttoday

ต่อสัมปทานผลิตก๊าซภูฮ่อม 10 ปี รัฐรอรับผลตอบแทน 3 หมื่นล้านบาท

09 พฤษภาคม 2562

'พีทีทีอีพี เอสพี' ได้ต่ออายุสัมปทานแหล่งก๊าซภูฮ่อม จ. อุดรธานี-ขอนแก่น อีก 10 ปี เพิ่มรายได้รัฐอีก 3 หมื่นล้านบาท

'พีทีทีอีพี เอสพี' ได้ต่ออายุสัมปทานแหล่งก๊าซภูฮ่อม จ. อุดรธานี-ขอนแก่น อีก 10 ปี เพิ่มรายได้รัฐอีก 3 หมื่นล้านบาท 

นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ ต่ออายุสัมปทานการผลิตปิโตรเลียมของแปลงสำรวจบนบกหมายเลข EU 1 และแปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 ในจ.อุดรธานี และขอนแก่น ซึ่งมีบริษัท พีทีทีอีพี เอสพี ลิมิเต็ด ผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินงานตามสัมปทานปิโตรเลียมดังกล่าว โดยต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมออกไปอีก 10 ปี

ทั้งนี้ในการขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมในทั้ง 2 แปลงสำรวจ รัฐจะได้รับรายได้ ประกอบด้วย ค่าภาคหลวงประมาณ 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมประมาณ 621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินผลประโยชน์ซึ่งผู้รับสัมปทานเสนอเพิ่มเติมให้แก่รัฐ ประมาณ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิ้น 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30,349 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ)

ปัจจุบันปริมาณสำรองปิโตรเลียมของโครงการแหล่งก๊าซสินภูฮ่อม ณ สิ้นปี พ.ศ. 2560 ประเมินว่าจะมีก๊าซธรรมชาติ 114.27 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟุต)และก๊าซธรรมชาติเหลว 0.38 ล้านบาร์เรล และหากมีการลงทุนเพื่อสำรวจและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีโอกาสพบทรัพยากรปิโตรเลียมเพิ่มเติม ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติประมาณ 527 พันล้านลบ.ฟุต และก๊าซธรรมชาติเหลวประมาณ 1 ล้านบาร์เรล

นอกจากนั้น ในการขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมในทั้ง 2 แปลงสำรวจ ออกไปอีก 10 ปี รัฐจะได้รับรายได้ ประกอบด้วย ค่าภาคหลวงประมาณ 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมประมาณ 621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินผลประโยชน์ซึ่งผู้รับสัมปทานเสนอเพิ่มเติมให้แก่รัฐ ประมาณ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งสิ้น 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30,349 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ)

“การต่อระยะเวลาการผลิตปิโตรเลียมดังกล่าวนับเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมนี้จะถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าน้ำพองที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุน รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการลงทุนของประเทศด้วย” นางเปรมฤทัย กล่าว