posttoday

"บีโอไอ"ร่วมคณะประชุม BRF หวังเพิ่มลงทุนใหญ่จากจีน

25 เมษายน 2562

"บีโอไอ" เดินทางร่วมประชุม BRF เตรียมดึงจีนลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตั้งโต๊ะถกเอกชนรายใหญ่ 14 ราย

"บีโอไอ" เดินทางร่วมประชุม BRF เตรียมดึงจีนลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตั้งโต๊ะถกรายใหญ่ 14 ราย

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย. บีโอไอได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”(Belt and Road Forum of International Cooperation) หรือ BRF ครั้งที่ 2 กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมจัดกิจกรรม Business Networking Dinnerร่วมกับบริษัทจีนรายใหญ่ 14 ราย ซึ่งเป็นโอกาสดีในการชี้แจงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยแก่นักลงทุนจีน ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการดึงมาลงทุนในประเทศไทย

การประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”หรือ BRF มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผู้นำจาก 38 ประเทศเข้าร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นของประเทศที่อยู่ตามแนวเส้นทางสายไหม ในการส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ

สำหรับการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน นั้น มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐของไทยเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อนำเสนอนโยบายส่งเสริมการลงทุน ความคืบหน้าโครงการลงทุนสำคัญๆ ของภาครัฐ ตลอดจนโอกาสทางการลงทุนและความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยและจีน

ทั้งนี้ทางคณะจะได้พบหารือกับบริษัทจีนรายใหญ่ จำนวน 14 ราย ซึ่งเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย มีศักยภาพและมีแผนขยายการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งหลายบริษัทได้แสดงความสนใจลงทุนในประเทศไทย และพร้อมให้ความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วย เช่น กิจการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ดิจิทัลเทคโนโลยี กิจการยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและใช้พลังงานทดแทน กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ(Smart City)อุปกรณ์สนับสนุนระบบบิ๊กดาต้า และระบบคลาวด์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา การลงทุนของจีนในไทยนั้น มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 จีนเข้ามาลงทุนในไทยมีมูลค่าเงินสูงเป็นอันดับ 3 มีโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 55,475 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีมูลค่า 25,762 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่มีการลงทุน เป็นอันดับหนึ่ง คือกิจการผลิตภัณฑ์โลหะเครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง รองลงมา เป็นธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค และธุรกิจเหมืองแร่ เซรามิกส์และโลหะ