posttoday

นิคมฯสงขลากระตุ้นลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ 13,800 ล้านบาท

08 เมษายน 2562

กนอ.คาดเปิดใช้พื้นที่ปี'63 มั่นใจทุนไทย-เทศ เล็งใช้พื้นที่เป็นฐานการผลิต-ส่งออกเชื่อมโยงไปยังประเทศกลุ่ม IMT-GT

กนอ.คาดเปิดใช้พื้นที่ปี'63 มั่นใจทุนไทย-เทศ เล็งใช้พื้นที่เป็นฐานการผลิต-ส่งออกเชื่อมโยงไปยังประเทศกลุ่ม IMT-GT

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมสงขลาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ระยะที่ 1 พื้นที่ 629 ไร่ ว่า ขณะนี้ กนอ.พร้อมเข้าพัฒนาพื้นที่แล้ว โดยบริษัท พี.ที.เอ.คอนสตรัคชั่น จำกัด ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างพัฒนาพื้นที่โครงการฯ จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนเมษายนนี้ด้วยเงินลงทุน ประมาณ 900 ล้านบาท คาดจะใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน แล้วเสร็จ และพร้อมเปิดให้นักลงทุนเข้าใช้พื้นที่ได้ภายในปี 2563

“นิคมฯดังกล่าว นับเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่สองของ กนอ.ภายใต้นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ)ที่รัฐบาลมุ่งหวังที่จะกระตุ้นการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปอุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยคาดว่าหากมีการใช้พื้นที่เต็มจำนวนแล้วจะทำให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3,400 อัตรา และก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในจังหวัดสงขลา ประมาณ 13,800 ล้านบาท”น.ส.สมจิณณ์กล่าว

นิคมฯสงขลากระตุ้นลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ 13,800 ล้านบาท

ทั้งนี้พื้นที่โครงการการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสงขลาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา ระยะแรก 629 ไร่ กนอ.แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับรองรับอุตสาหกรรมทั่วไป เขตพาณิชยกรรม และโรงงานสำเร็จรูป รวมทั้งสิ้น 347 ไร่ และ ส่วนที่เหลืออีก 283 ไร่ กนอ.จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลางและพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่สีเขียวสำหรับให้บริการทั้งผู้ประกอบการและชุมชน ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ที่เข้ามาใช้บริการภายในนิคมฯเพื่อความยั่งยืนของการอยู่ร่วมกันของสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดการออกแบบไปสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (EcoIndustrial Estate)

อย่างไรก็ตามนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ที่มีศักยภาพมีความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบ แรงงาน และระบบขนส่ง ที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ตลอดจนยังสามารถรองรับการขยายตัวด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการ และอื่นๆ เป็นต้น

สำหรับจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพโดดเด่นและมีแนวโน้มเติบโตทางเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภาคใต้ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศในกลุ่มความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) เนื่องจากมีด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นด่านทางบกที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดที่อยู่ใกล้ท่าเรือปีนัง และท่าเรือกลางของมาเลเซียมีการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-มาเลเซียผ่านทางปาดังเบซาร์ มีฐานการผลิตในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่มีอยู่แล้วทำให้ทำเลที่ตั้งมีความโดดเด่นมากที่ถือเป็นความพร้อมที่จะรอบรับการเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย เข้ามาลงทุนในนิคมฯดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนในกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจสิ่งทอ สนใจเข้าสอบถามรายละเอียดของโครงการมาอย่างต่อเนื่อง