คมนาคมชงครม.เร่งออกตั๋วร่วมเชื่อมระบบขนส่งสาธารณะ

ชงครม.ออกประกาศสำนักนายกเร่งเครื่องตั๋วร่วม สนข.คาดปีนี้เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้สายเดียว-รถเมล์ส่อวืดหลังล้มประมูลอีทิคเก็ต

นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าความคืบหน้าโครงการพัฒนาตั๋วร่วมหรือบัตรแมงมุมเพื่อใช้ในระบบขนส่งสาธารณะนั้นหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ปีพ.ศ...... มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถเสนอทันภายในรัฐบาลชุดนี้ได้และอาจต้องใช้เวลานานในการออกร่างกฎหมายเพราะเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงานของรัฐ กระทรวงคมนาคมจึงเตรียมหาแนวทางแก้ไขเพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสุญญากาศตลอดจนส่งเสริมการวางนโยบายตั๋วร่วมที่จะมีการใช้ในระบบขนส่งสาธารณะในปีนี้ ดังนั้น จึงเสนอให้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติเห็นชอบหลักการเพื่อตั้งคณะกรรมการนโยบายตั๋วร่วมขึ้นมาดูแลแนวทางกำกับงานด้านตั๋วร่วมและบัตรแมงมุมในระดับนโยบาย โดยตัวแทนคณะกรรมการจะมาจากหน่วยงานของรัฐบาล หลังจากนี้จะเร่งสรุปสาระสำคัญนำเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมก่อนยื่นเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายใน 1-2 เดือนนี้

นายเผด็จ ประดิษฐ์เพชร ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่าความคืบหน้าการติดตั้งระบบตั๋วร่วมนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เรื่องติดตั้งระบบและบริหารจัดการรายได้ เบื้องต้นมองว่าปีนี้จะสามารถเชื่อมกับรถไฟฟ้าได้เพียง 1 สายนั่นคือ รถไฟฟ้าแอรืพอร์ตลิงก์ช่วงพญาไท-สุวรรณภูมิ จากปัจจุบันที่สามารถใช้ตั๋วร่วมในรถไฟฟ้าสองสายคือ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เฉลิมมหานคร (ช่วงหัวลำโพง-เตาปูน) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ฉลองรัชธรรม (ช่วงเตาปูน-บางใหญ่)

ส่วนด้านการเชื่อมระบบตั๋วร่วมเพื่ออ่านบัตรในรถโดยสารสาธารณะ(รถเมล์) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)นั้นไม่แน่ใจว่าจะสามารถเชื่อมต่อได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ หลังจากที่คณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)ขสมก.ได้มีมติยกเลิกโครงการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ (Cash Box) รวมถึงเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) รถเมล์ 2,600 คัน วงเงิน 1.6 พันล้านบาท ส่งผลให้ต้องกลับไปเริ่มต้นถ่ายโอนและติดตั้งระบบตั๋วร่วมกันใหม่หลังจากที่ขสมก.เลือกเปลี่ยนผู้ติดตั้งระบบใหม่ ขณะที่ระบบแมงมุม 4.0 ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบตั๋วร่วมให้เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้งานผ่านบัตร EMV (Euro/ MasterCard และ Visa) นั้นยังคงมีเป้าหมายเดิมต้องการให้ทันภายในปลายปีนี้หรือ ธ.ค. 2562