posttoday

"เฟด"ประกาศ ปิดฉากดอกเบี้ยขาขึ้น

22 มีนาคม 2562

เฟดคงดอกเบี้ยตามคาดการณ์และส่งสัญญาณจะไม่ปรับอีกในปี62ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโตชะลอ และเงินเฟ้อที่ไม่ปรับขึ้นมากนัก

เฟดคงดอกเบี้ยตามคาดการณ์และส่งสัญญาณจะไม่ปรับอีกในปี62ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโตชะลอ และเงินเฟ้อที่ไม่ปรับขึ้นมากนัก

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25-2.50% ตามคาดการณ์ ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. และส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐอีกในปี 2562 ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโตชะลอ พร้อมเตรียมยุติแผนลดขนาดงบดุลกลางปีนี้

สำหรับปี 2563 คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง จากคาดการณ์เดิม 2 ครั้ง

เจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า เฟดควรยังคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะ เนื่องจากเศรษฐกิจเผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงทั่วโลก และเงินเฟ้อยังไม่ปรับขึ้นมากนัก

“เราไม่เห็นข้อมูลบ่งชี้ว่า เราควรเดินไปในทิศทางอื่น โดยข้อมูลระบุว่าเรายังควรอดทน และรอให้สถานการณ์ชัดเจนก่อน ด้วยเหตุนี้จึงอาจใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนแนวโน้มการจ้างงานและเงินเฟ้อบ่งชี้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงนโยบาย” พาวเวลล์ กล่าว

นอกจากนี้ เฟดยังหั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐลงมาอยู่ที่ 2.1% สำหรับปีนี้จากเดิมที่ 2.3% ลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงอีก 0.1% ไปอยู่ที่ 1.8% และปรับขึ้นอัตราว่างงานสหรัฐอีก 0.2% อยู่ที่ 3.7%

ขณะเดียวกัน เฟดยังเปิดเผยรายละเอียดแผนยุติการลดขนาดงบดุล 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 126 ล้านล้านบาท) โดยจะเริ่มชะลอการปรับลดขนาดงบดุลในเดือน พ.ค. จากระดับปัจจุบันเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 9.5 แสนล้านบาท) ไปอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.75 แสนล้านบาท) และจะหยุดการดำเนินการดังกล่าวในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่งบดุลของเฟดจะมีขนาด 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 111 ล้านล้านบาท)

ค่าเงินดีดแข็งค่าทั้งภูมิภาค

ค่าเงินเอเชียต่างปรับแข็งค่าขึ้นวานนี้ หลังเฟดยุติการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยค่าเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น 0.4% เมื่อเทียบค่าเงินดอลลาร์ระหว่างการซื้อขายวานนี้ ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี)
ปรับขึ้นค่ากลางเงินหยวนไปอยู่ที่ 6.6850 หยวน/ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 8 เดือน ด้านค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซียแข็งค่าขึ้น 0.6% เทียบดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.

ด้านค่าเงินบาทปรับขึ้น 0.2% อยู่ที่ 31.660 บาท โดยนับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่า 2.4% ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แข็งค่าเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค

ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าแตะ 110.47 เยนวานนี้ ร่วงหนักสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. โดยก่อนหน้านี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เทียบตะกร้าสกุลเงินหลักอยู่ที่ 96.019 จุด อ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.

“เฟดส่งสารเชิงผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ แรงกดดันขาลงดังกล่าวจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกในปีนี้” เอ็มยูเอฟจี ระบุ

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนบวกวานนี้ โดยดัชนีเอ็มเอสซีไอ ตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้น 0.3% สูงสุดรอบเกือบ 7 เดือน รอยเตอร์สระบุว่า แม้สัญญาณหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้นักลงทุนกลับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่กรณีพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐยังเป็นปัจจัยสร้างความวิตกในตลาด

ทั้งนี้ ราคาทองพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์วานนี้ โดยราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 1,314.87 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านราคาทองฟิวเจอร์สพุ่งขึ้น 1% อยู่ที่ 1,314.60 ดอลลาร์/ออนซ์

จับตาจีน-สหรัฐถกค้า

ล่าสุดนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จะยังไม่ยกเลิกกำแพงภาษีสินค้าจีนในเร็วๆ นี้ แม้ว่าทั้งจีนและสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงยุติศึกการค้าได้ก็ตาม

ทั้งนี้ รอยเตอร์สรายงานว่า จีน และสหรัฐจะกลับสู่การเจรจาคลี่คลาย ข้อพิพาททางการค้าอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดย โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ มีกำหนดเดินทางเยือน
กรุงปักกิ่งเป็นเวลา 2 วัน ในสัปดาห์หน้า จนถึงวันที่ 29 มี.ค. เพื่อหารือประเด็นการค้ากับหลิวเฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน