ส่งออกก.พ.บวก5.9%หลังแก้ปัญหาประมง-แรงงานคืบหน้า
การส่งออกเดือน ก.พ. พลิกกลับเป็นบวก มูลค่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังการแก้ปัญหาประมงและแรงงานมีความคืบหน้า
การส่งออกเดือน ก.พ. พลิกกลับเป็นบวก มูลค่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังการแก้ปัญหาประมงและแรงงานมีความคืบหน้า
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.พ. 2562 มีมูลค่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.91% เทียบกับเดือน ก.พ.ปีก่อน เป็นการกลับมาขยายตัวเป็นบวกในรอบ 4 เดือน หลังจากเดือน พ.ย. 2561 ส่งออกติดลบ 0.95% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 6.78 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.48%
สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 10.03% เป็นการติดลบหลังจากเดือน ม.ค. 2562 ที่เพิ่มขึ้นถึง 13.96% เมื่อคิดเป็นเงินบาทนำเข้ามีมูลค่า 5.58 แสนล้านบาท ลดลง 10.38% ส่งผลให้เดือน ก.พ. 2562 เกินดุล 4,034.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.19 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเดือน ก.พ. 2562 เมื่อหักการส่งออกสินค้าทองคำ น้ำมัน ที่มีความผันผวนสูง และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำเข้ามามากเพื่อซ้อมรบกับสหรัฐจะติดลบถึง 4.9% ด้านการส่งออกในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 2562 มีมูลค่า 4.05 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 4.05 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.20% ส่งผลไทยเกินดุลการค้า 2 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 2.08 หมื่นล้านบาท
“การส่งออกเดือน ก.พ.ที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายปัจจัย เช่น ราคาน้ำมันตลาดโลกเพิ่มขึ้น สงครามการค้าเริ่มลดความตึงเครียดลง ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนลง การแก้ปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายของสหภาพยุโรป ฯลฯ” น.ส.พิมพ์ชนก ระบุ
นอกจากนี้ มีสินค้าดาวรุ่งหลายรายการที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นมาก เช่น ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งแปรรูป เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง ยังคงเป็นค่าเงินบาทแข็งค่าที่ทำให้ราคาสินค้าไทยแพงขึ้น และความสามารถการแข่งขันลดลง และผลใช้บังคับความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ของประเทศคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 2 จะดีขึ้น เพราะสงครามการค้าน่าจะหาทางออกที่ดีได้ และทำให้บรรยากาศการค้าโลกดีขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในปี 2562 ไว้ที่ 4.5% โดยยังต้องติดตามสงครามการค้าในช่วงเดือน เม.ย.นี้ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้า