posttoday

รมว.เกษตรฯขู่เด้งข้าราชการไม่ทำงานเอาแต่นั่งเล่นไลน์-เฟซบุ๊ก

20 กุมภาพันธ์ 2562

รมว.เกษตรขู่ย้ายข้าราชการไม่ทำงานเอาแต่นั่งเล่นไลน์-เฟซบุ๊ก สั่งกรมชลประทานตรวจสอบมีข้าราชการกว้านซื้อที่ดินรับโครงการรัฐจริงหรือไม่

รมว.เกษตรขู่ย้ายข้าราชการไม่ทำงานเอาแต่นั่งเล่นไลน์-เฟซบุ๊ก สั่งกรมชลประทานตรวจสอบมีข้าราชการกว้านซื้อที่ดินรับโครงการรัฐจริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 62 นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประชุมมอบนโยบายข้าราชการทั่วประเทศผ่านระบบประชุมทางไกลว่า เป็นรมว.เกษตรฯมา 1ปี 4 เดือน ได้เร่งมือในการทำงานทุกเรื่อง และอยากให้ข้าราชการช่วยลบล้างคำที่ว่าอยู่กระทรวงงเกษตรฯต้องโดนด่าเป็นธรรมดา เป็นเวรเป็นกรรม ซึ่งรับไม่ได้กับคำนี้ และจะต้องช่วยกันแก้ไข

"บอกตรงๆทุกเรื่องเพื่อกระตุ้นทุกหน่วยงานปรับปรุงแนวทางการทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทำให้ลำบากใจยังไม่มี ต้องขอบคุณด้วยความจริงใจ เวลาไปเจอผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด จะถามถึงการทำงานของพวกเรา 99%จะบอกว่าหัวหน้าส่วนของกระทรวงเกษตรฯในภูมิภาค ทำงานดีขึ้น ซึ่งขอให้ยืนหยัดเป็นคนดีจะต้องมีที่ยืนในสังคมอย่าคิดว่างานกระทรวงเกษตรฯทำอย่างไรก็ถูกด่าถูกโจมตี หรือมีเวรมีกรรมให้ทำใจ ผมไม่ชอบคำๆนี้ และชวนคนกระทรวงเกษตรฯให้ช่วยกันล้าง และข้าราชการที่เล่นแต่ไลน์ เฟซบุ๊ก ก็จะต้องมีการลงโทษ ย้ายออกไป ยุคนี้ต้องการคนทำงานช่วยเกษตรกรได้จริง"นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ฝากกรมชลประทานไปดูว่า มีข้าราชการไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชลประทาน เช่นโครงการบรรเทาอุทกภัยนครศรีธรรมราช เขื่อนวังหีบ เขื่อนคลองสังข์ ประตูน้ำปากประ ขอให้ไปดูว่า จริงหรือไม่ ซื้อเพื่อหวังประโยชน์จากโครงการ

"อธิบดีกรมชลฯต้องให้หัวหน้าหน่วยงาน ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีแบบนี้มีจริงหรือไม่ มีใครแอบลักไก่ ไปกว้านซื้อที่ดินไว้ก่อน หรือให้นอมินี ไปซื้อ เรื่องอย่างนี้บ้านนอก เขารู้กันทั่ว สมัยผมเป็นผู้ว่าฯสงขลา แม้แต่เข็มตกเล่มเดียวดังไปทั่วภาคใต้ ดังนั้น คนที่งานกับโครงการกับเงินกันทอง ต้องมีศีลธรรมและคุณธรรม ต้องใจแข็ง"นายกฤษฏา กล่าว

สำหรับโครงการฟื้นฟูหนี้สินเกษตรกร ขณะนี้ได้แก้ไขตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ปรับโครงสร้างหนี้ ที่เป็นลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)ในมาตรการแก้หนี้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) โดยเฉพาะจ.กาญจนบุรี เพชรบุรี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา โดยได้ช่วยแก้หนี้สินไปแล้ว รวม 3.6 หมื่นราย ยอดหนี้ 7-8พันล้าน ซึ่งมีหนี้ไม่เกินรายละ 2.5 ล้านบาท ส่วนกรณีอื่นอยู่ระหว่างหาทางแก้ไข