posttoday

พาณิชย์ดันคุ้มครองปลากัดไทยทั้งใน-ต่างประเทศ ป้องกันถูกขโมยทรัพยากรพันธุกรรม

13 กุมภาพันธ์ 2562

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้ายกระดับคุ้มครองปลากัดไทยในฐานะเป็น "ทรัพยากรพันธุกรรม" ของไทย ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

กระทรวงพาณิชย์เดินหน้ายกระดับคุ้มครองปลากัดไทยในฐานะเป็น "ทรัพยากรพันธุกรรม" ของไทย ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2562 เห็นชอบให้ปลากัดไทย ซึ่งมีชื่อสามัญว่า “Siamese Fighting Fish” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. 2559 ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ กระทรวงพาณิชย์เห็นถึงความสำคัญและจำเป็นในการคุ้มครองปลากัดไทยในฐานะที่เป็นทรัพยากรพันธุกรรม (Genetic Resources) ของไทย ทั้งในระดับประเทศและระดับดับสากล

ในการดำเนินการเพื่อคุ้มครองทรัพยากรพันธุกรรมของไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่..) พ.ศ. … ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 โดยมีสาระสำคัญส่วนหนึ่งกำหนดให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ที่มีการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมต้องเปิดเผยแหล่งที่มาและการแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่เจ้าของทรัพยากรพันธุกรรมนั้น ในคำขอรับสิทธิบัตร เพื่อป้องกันปัญหาการขโมยทรัพยากรพันธุกรรมไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบ หรือที่เรียกว่า ปัญหาโจรสลัดชีวภาพ (Bio-Piracy)

นอกจากนี้ ไทยยังเดินหน้าเจรจา เร่งรัด และผลักดันให้มีการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศด้านการคุ้มครองทรัพยากรทางพันธุกรรมภายใต้กรอบองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) โดยหากการเจรจาจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศดังกล่าวเป็นผลสำเร็จ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและ ชุมชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรพันธุกรรมเป็นอย่างมาก

สำหรับประเด็นคำถามที่ว่า ชาวต่างชาติจะสามารถนำปลากัดไทยไปจดทะเบียนสิทธิบัตรเพื่ออ้างความเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวได้หรือไม่นั้น นางสาวชุติมาฯ กล่าวว่า กฎหมายสิทธิบัตรไทยได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าสัตว์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้ แต่หากเป็นการคิดกรรมวิธีใหม่ เช่น กรรมวิธีใหม่ในการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ก็จะสามารถนำมาขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรได้ ซึ่งผู้ประดิษฐ์หรือนักวิจัยไทยก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

ส่วนในต่างประเทศ แม้มีบางประเทศที่อนุญาตให้นำสัตว์ไปจดทะเบียนสิทธิบัตรได้ แต่ก็มีกระบวนการคัดค้านและเพิกถอนการจดทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมายภายในประเทศนั้นๆ อยู่ ดังนั้น หากมีการนำสัตว์ที่เป็นทรัพยากรพันธุกรรมของไทย เช่น ปลากัดไทย ไปจดทะเบียนสิทธิบัตรในต่างประเทศ ก็สามารถดำเนินการคัดค้านหรือเพิกถอนการจดทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมายได้โดยหลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะได้กำชับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศให้เร่งประชาสัมพันธ์และแจ้งสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศต่างๆ ทราบว่า ปัจจุบันปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทย ซึ่งไม่ควรมีบุคคลใดนำไปจดทะเบียนสิทธิบัตรเพื่ออ้าง ความเป็นเจ้าของ