posttoday

รฟม.ล้างหนี้เงินเยน

23 มกราคม 2562

ไฟเขียวกู้เงินบาทคืนเงินกู้ไจก้าก่อนกำหนด 6 หมื่นล้านเยน คลังชี้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดฮวบ ช่วยประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้าน

ไฟเขียวกู้เงินบาทคืนเงินกู้ไจก้าก่อนกำหนด 6 หมื่นล้านเยน คลังชี้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดฮวบ ช่วยประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้าน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2562 เห็นชอบการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินบาทภายในประเทศเพื่อนำไปชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ก่อนถึงกำหนดชำระ แทน รฟม. วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน 6.12 หมื่นล้านเยน จากวงเงินกู้ทั้งหมด 1.72 แสนล้านเยน ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยชำระเงินกู้ไปแล้ว 1.1 แสนล้านเยน และคงเหลืออีก 6.12 หมื่นล้านเยน โดยเห็นว่าหากกู้ยืมเงินในประเทศไปชำระคืนก่อนกำหนดจะทำให้ประหยัดงบประมาณด้านดอกเบี้ยได้หลายพันล้านบาท

ด้าน นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี พร้อมลงทุนงานระบบ วงเงิน 2.35 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการให้เอกชนร่วมทุนระยะเร่งด่วน (พีพีพี ฟาสต์แทร็ก) โดย รฟม.จะเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ในเดือน ม.ค.นี้ ก่อนส่งเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป คาดจะเปิดประมูลโครงการได้ช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.นี้

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก วงเงิน 1.28 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอแนวทางการร่วมทุนเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด รฟม.ต่อไป คาดจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้

ด้านโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ภูมิภาคเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการกระจายการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปสู่ภูมิภาค และบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่นของหัวเมือง เริ่มจากแทรม จ.ภูเก็ตนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการร่วมทุนและแนวทางการก่อสร้างครั้งใหม่หลังจากที่ปรับแบบก่อสร้าง

ขณะที่โครงการแทรม จ.เชียงใหม่ ได้บริษัทที่จะเข้ามาศึกษาแล้ว ด้าน โครงการแทรม จ.นครราชสีมานั้น อยู่ระหว่างจัดจ้างที่ปรึกษา ทั้งหมดนี้จะใช้เวลาศึกษาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนเสนอผลศึกษาเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี) โดยคาดจะเปิดประมูลได้ในปี 2563