สมาคมค้าปลีกบุกยื่นนายกฯวันนี้แก้ผูกขาดดิวตี้ฟรี

ธุรกิจค้าปลีก เสนอรัฐ แก้ปัญหายอดขายขยายตัวแผ่ว หวัง อานิสงส์อั่งเปาช่วยชาติและการเลือกตั้ง ดันสะพัดแสนล้านหลังยอดโตแค่3%ต่ำกว่าจีดีพีประเทศ

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกรวมปีนี้ คาดโตได้แค่ 3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าจีดีพีประเทศมาตลอดช่วง 3-4 ปี แม้การลงทุนเพิ่มทั้งระบบใกล้เคียงกันทุกปีเฉลี่ย 6-7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดค้าปลีกในชาติอาเซียนกลับโตเฉลี่ย 10% อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เป็นผลจากร้านค้าปลอดภาษี(ดิวตี้ฟรี) เป็นระบบผูกขาดแค่รายเดียว อีกทั้งภาษีสรรพาสามิตสินค้าแบรนด์เนม สูง ทำให้ไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยปีละราว 40 ล้านคน ไม่ช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ในประเทศไทย รวมทั้งคนไทยก็ไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมในดิวตี้ฟรี

นอกจากนี้ ตัวแปรอีกประการคือจุดให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวตรีฟันด์ยังมีน้อย หากเพิ่มจุดบริการตามที่สมาคมเสนออย่างน้อย 10-20 จุด จากปัจจุบันที่มีเพียง 5 จุด และขยายไปยังจังหวัดท่องเที่ยว เช่น จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ ก็จะช่วยสนับสนุนผู้ค้าปลีกทั้งในศูนย์การค้าและร้านค้าย่อยโดยรอบด้วย

"บ้านเรากฎหมายยังล้าสมัยและไม่โปร่งใส ยังมีกำแพงด้านภาษี หากแก้ไขและได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาล จะทำให้ค้าปลีกเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 2% รัฐบาลเก็บภาษีได้เพิ่ม ดังนั้นทางสมาคมจึงจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 ม.ค.นี้ เพื่อให้มาดูผลกระทบในธุรกิจ ค้าปลีก" นายวรวุฒิ กล่าว

ขณะที่ภาพรวมค้าปลีกไตรมาสแรกปีนี้น่าจะดีขึ้นจากการช็อปคืนภาษีที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงวันที่ 1-15 ก.พ.นี้ คาดสะพัดราวแสนล้านบาท ซึ่งจะแรงกว่าช็อปช่วยชาติ เพราะไม่จำกัดหมวดสินค้า รวมถึงการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท