posttoday

"บิ๊กตู่" แนะกองทุนหมู่บ้านเพิ่มศักยภาพสร้างรายได้หนุนเศรษฐกิจฐานราก

11 มกราคม 2562

"พล.อ.ประยุทธ์" แนะกองทุนหมู่บ้านเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้ เพิ่มหนุนเศรษฐกิจฐานราก ช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐบาล

"พล.อ.ประยุทธ์" แนะกองทุนหมู่บ้านเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้ เพิ่มหนุนเศรษฐกิจฐานราก ช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในงานมหกรรมแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 1.8 หมื่นคน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับกองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกแก้ไขปัญหาความยากจน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจึงมีการจัดงบประมาณสนับสนุนกองทุนทั้ง 79,595 กองทุน 3 รอบ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ปี 2559 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านในปี 2560 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท และโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชา ตามแนวทางประชารัฐ ปี 2561 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท รวม 7 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม งบประมาณที่ลงไปส่งผลให้มีกองทุนหมู่บ้าน 7 หมื่นกองทุน ดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ 2 แสนกว่าโครงการ เช่น โครงการร้านค้าชุมชน โครงการน้ำดื่มชุมชน ส่งเสริมการเกษตร สร้างรายได้ให้กับกองทุนหมู่บ้าน 3.9 หมื่นล้านบาท เป็นผลกำไรกว่า 8,500 ล้านบาท และมีการฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้านให้กลับมาเข้มแข็งได้ 5,000 กองทุน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านสอดคล้องกับยุทธศาตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนแม่บท แผนปฏิรูป แผนปฏิบัติการราชการ ในมิติลดความเหลื่อมล้ำ เป็นโครงการที่รัฐบาลต้องจัดงบประมาณสนับสนุนต่อเนื่อง แต่ก็ต้องพิจารณาให้มีความสมดุลกับงบที่ต้องจัดสรรให้ภารกิจอื่นด้วย

ขณะเดียวกันทุกกองทุนจะต้องพัฒนาตนเอง เพิ่มศักยภาพให้สามารถหารายได้มากขึ้น ต้องหาความรู้นำเทคโลยีใหม่ๆ มาสนับสนุน ดึงสถาบันการศึกษาและเอกชนมาช่วย เมื่อสร้างรายได้เพิ่มก็จะลดภาระในการจัดสรรงบประมาณ ช่วยเหลือจากรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องดูแลทุกภาคส่วนให้สมดุล

"ต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่ มองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ เพื่อขนส่งผลผลิตในชุมชน ลดต้นทุนหรือการทำเกษตรจะทำแบบเดิมไม่ได้ เพราะกติกาโลกเปลี่ยนไป มีสงครามการค้า มาตรการกีดกัน ต้องมีการพัฒนาไปเป็นเกษตรจีเอพีให้ได้ก่อนจะไปถึงเกษตรอินทรีย์" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ คือ การท่องเที่ยวชุมชนให้ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวปีละกว่า 40 ล้านคน ให้ชุมชนมีส่วนแบ่งจากรายได้ เพราะปัจจุบันนี้ภาคท่องเที่ยวมีมูลค่าถึง 22% ของจีดีพี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมี ผู้มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รัฐบาลต้องดูแล 14.5 ล้านคน ซึ่งเป็นทั้งผู้มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท และไม่เกิน 3 หมื่นบาท/ปี เป็นการดูแลใน พื้นฐาน ดังนั้นกองทุนหมู่บ้านจะต้องทำให้คนมีรายได้เพิ่ม