posttoday

ส่งออกไทยยังคงสัญญาณดี

12 ธันวาคม 2561

พาณิชย์ถกเอกชนประเมินส่งออก ชี้สหรัฐ-จีนยุติการขึ้นภาษี 90 วัน ส่งผลดีต่อตลาดการค้า

พาณิชย์ถกเอกชนประเมินส่งออก ชี้สหรัฐ-จีนยุติการขึ้นภาษี 90 วัน ส่งผลดีต่อตลาดการค้า

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการหารือร่วมกับภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกไทยไตรมาส 4 ปี 2561 ว่า จากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนคลี่คลายลงชั่วคราว โดยสหรัฐและจีนมีข้อตกลงที่จะยุติการขึ้นภาษีสินค้าเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลต่อจิตวิทยาทำให้บรรยากาศการส่งออกช่วงปลายปีดีขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าการส่งออกปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายขยายตัว 8% ได้อย่างแน่นอน

สำหรับการส่งออกในปี 2562 กรมยังคงตั้งเป้าหมายส่งออกเพิ่มขึ้น 8% ซึ่งได้รวมกรณีเลวร้ายหากสงครามการค้ากลับมายืดเยื้ออีกครั้ง เนื่องจากมีการประเมินรายตลาดส่งออกแล้วพบว่าหลายตลาดมีโอกาสที่จะผลักดันการส่งออกให้ขยายตัว และในปีหน้าจะมีกิจกรรมที่จะสนับสนุนการส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ เช่น จีน เอเชียใต้ ฮ่องกง ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ส่วนรายกลุ่มสินค้ามีสินค้าใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมสมุนไพร ผักและผลไม้แปรรูป โดยจะใช้ช่องทางการค้าออนไลน์เข้ามาช่วยเสริมช่องทางออฟไลน์ ผลักดันการส่งออกให้ขยายตัว

“ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้ายังต้องติดตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ราคาน้ำมันดิบ ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน โดยไตรมาสแรกปีหน้าจะเห็นภาพได้ชัดกว่านี้ ส่วนกรณีที่เครือสหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) ไทยมีแผนที่จะเจรจาทวิภาคีไว้แล้วในการผลักดันการส่งออก ขณะที่การส่งออกไปตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญมีหลายเมืองที่ไทยจะต้องบุกเจาะตลาดเพิ่มมากขึ้น ตามแผนของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้เจาะจีนเป็นรายมณฑล” น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มองการส่งออกปี 2562 เติบโต 5-7%โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมคาดจะโต 6-8% และกลุ่มสินค้าเกษตรเติบโต 3-4% ซึ่งสินค้าที่น่าห่วงในปีหน้ามีเพียงน้ำตาลที่คาดว่าจะส่งออกติดลบ และกลุ่มอัญมณีและทองคำที่ราคาตลาดโลกยังผันผวน ส่วนยางพาราปีนี้การส่งออกติดลบ 20% ปีหน้าคาดว่าน่าจะกลับมาบวกได้ 5%

สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปี 2562 ที่เอกชนกังวล คืออัตราแลกเปลี่ยนที่ไทยยังเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง โดยค่าเงินบาทที่จะส่งผลดีต่อการส่งออกควร อยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ยังคงผันผวน ส่วนผลกระทบเรื่องสงครามการค้า มองว่ายังมีผลดีต่อการส่งออกไทย เพราะขณะนี้นักลงทุนในจีนเริ่มย้ายฐานการผลิตมายังไทย และประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม