posttoday

ไทยอันดับ5น่าลงทุน

20 พฤศจิกายน 2561

เปิดผลสำรวจซีอีโอเอเปก ยังเชื่อธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งแม้กีดกันการค้าตึงเครียด เผยไทยติดอันดับ 5 ประเทศที่น่าลงทุน

เปิดผลสำรวจซีอีโอเอเปก ยังเชื่อธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งแม้กีดกันการค้าตึงเครียด เผยไทยติดอันดับ 5 ประเทศที่น่าลงทุน

นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PWC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจล่าสุด APEC CEO Survey 2018 ซึ่งทำการสำรวจผู้บริหารในกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก จำนวน 1,189 รายใน 21 ประเทศ ว่า 35% ของซีอีโอเอเปกแสดงความมั่นใจมากว่า รายได้ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะเติบโต 37% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ 51% ของผู้นำธุรกิจในภูมิภาคยังมีแผนจะเพิ่มการลงทุนในปีหน้า

"ซีอีโอจากสหรัฐอเมริกาและไทยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำทางธุรกิจที่แสดงความมั่นใจต่อการเติบโตของรายได้มากที่สุดในปีนี้ ที่ 57% และ 56% ตามลำดับ ขณะที่ผู้ถูกสำรวจจากจีนและเม็กซิโกซึ่งถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐมีความเชื่อมั่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 25% และ 21%" นายศิระ กล่าว

นอกจากนี้ จากการสำรวจผู้นำทางธุรกิจของสหรัฐจำนวน 100 ราย ภายหลัง สหรัฐและจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กันเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า 69% คาดว่าจะกระทบเชิงบวกต่อรายได้บริษัทของพวกเขา และมีเพียง 27% คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบต่อต้นทุนของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการลงทุนเพิ่มในปีหน้านั้นประเทศไทยติดอันดับ 5 ในประเทศที่น่าลงทุนในภูมิภาค โดยประเทศที่ถูกจัดให้เป็นเป้าหมายของการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ได้แก่ เวียดนาม จีน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ขณะที่อินโดนีเซียหลุดอันดับไปในปีนี้

"ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ เพราะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.6% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกขยายตัว 4.8% ได้ปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว ประกอบกับการขยายตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ในด้านทรัพยากรและแรงงานเอง ไทยก็มีความพร้อมทั้งทางด้านทักษะและค่าแรงที่ไม่สูงมากนัก แต่สิ่งที่รัฐบาลไทยควรเร่งผลักดันคือการพัฒนาและฝึกอบรมทักษะซึ่งมีความสำคัญต่อแรงงานยุคดิจิทัล" นายศิระ กล่าว

นอกจากนี้ ซีอีโอเอเปกยังตระหนักดีถึงความจำเป็นต่อการลงทุนในการเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล เห็นได้จากภารกิจในการลงทุนที่สำคัญของผู้บริหารในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านดิจิทัล และคาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ก็นำมาซึ่งความท้าทายในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่การเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามพรมแดนกลายเป็นอุปสรรคใหม่ที่หลายธุรกิจเผชิญเพิ่มมากขึ้นในปีนี้