posttoday

ลุยโครงการ2ล้านล้าน

03 พฤศจิกายน 2561

"อาคม" ยันเมกะโปรเจกต์ 2 ล้านล้าน ไม่สะดุด แม้เปลี่ยนรัฐบาล ลั่นขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

"อาคม" ยันเมกะโปรเจกต์ 2 ล้านล้าน ไม่สะดุด แม้เปลี่ยนรัฐบาล ลั่นขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายในงานหัวข้อ "ยุทธศาสตร์คมนาคม ยุทธศาสตร์สร้างชาติ" ว่า รัฐบาลชุดนี้ได้วางแผนแม่บทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ถือเป็นตัวการสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว โดยยืนยันโครงการเหล่านี้ยังเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหน เนื่องจากได้จัดทำเป็นยุทธศาสตร์คมนาคมขนส่งปี 2558-2565 วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 8-10 ปี

ทั้งนี้ ประกอบไปด้วยโครงการรถไฟฟ้าเฟส 2 รวม 10 เส้นทาง โครงการรถไฟความเร็วสูง รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนและสนามบิน ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยประมูลและก่อสร้างไปบ้างแล้ว

สำหรับประเด็นตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศที่ค่อนข้างสูงจากการลงทุน รวมถึงงบประมาณที่จำกัดจนอาจกระทบแผนลงทุนนั้น ขณะนี้มีการส่งเสริมให้เกิดการระดมทุนโครงสร้างพื้นฐาน (ทีเอฟเอฟ)

นอกจากนี้ ยังมีอีกรูปแบบคือให้เอกชนร่วมลงทุน ซึ่งโครงการที่ทยอยดำเนินการในขณะนี้ 100% มีการลงทุนไม่ผ่านระบบงบประมาณเพราะใช้วิธีการระดมทุนในตลาด ด้านการลงทุนในส่วนของภาครัฐจะมีในส่วนของความรับผิดชอบเรื่องการเวนคืนที่ดิน เนื่องจากเอกชนไม่มีอำนาจและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้อำนวจของรัฐ

นายมนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 1 และ 2 ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน ในปี 2563-2564 ได้แก่ ท่าเทียบเรือ A5 B2 B3 และ B4 ขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างเตรียมศึกษาและจัดทำแนวทางเปิดประมูลโดยมีทางเลือก 2 แบบ คือ กรณีให้เอกชนร่วมลงทุนพีพีพี และกรณีให้เอกชนรายเดิมร่วมลงทุน ซึ่งตามแผนต้องเร่งสรุปแนวทางเพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคมอย่างน้อย 5 ปีก่อนสัญญาสิ้นสุดลง จากนั้นต้องเสนอคณะกรรมการพีพีพีพิจารณาก่อนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม กรณีของท่าเทียบเรือ B2 B3 และ B4 ซึ่งคณะกรรมการ กทท.มีมติเห็นชอบให้เอกชนร่วมลงทุน โดยให้ควบรวมท่าเทียบเรือ 3 ท่า ความยาวหน้าท่า ท่าละ 300 เมตร ให้เป็น 2 ท่า มีความยาวหน้าท่า ท่าละ 450 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอ รมว.คมนาคม

ทั้งนี้ เมื่อ ครม.เห็นชอบให้เอกชนร่วมลงทุนตามมาตรา 48 แล้ว กทท.จะ จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ โดยที่ปรึกษาต้องจัดทำรายงานเป็นเอกเทศตามรายละเอียดที่คณะกรรมการกำหนดในมาตรา  24 และสาระสำคัญอื่นๆ ตามที่บริษัทที่ปรึกษาเห็นสมควรและให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งรายงานเพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาต่อกระทรวงคมนาคมต่อไป