posttoday

ต่างชาติแห่จับจองนิคมยาง

24 ตุลาคม 2561

ชี้แผนพัฒนาพื้นที่ใกล้สมบูรณ์ พร้อมรับเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ

ชี้แผนพัฒนาพื้นที่ใกล้สมบูรณ์ พร้อมรับเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กนอ.ได้เร่งดำเนินการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมยางพารา (รับเบอร์ชิตี้) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา บนพื้นที่รวม 1,248 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ยางพาราและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมรองรับนักลงทุนที่สนใจทั้งในและต่างประเทศเข้าใช้พื้นที่เพื่อประกอบการได้ทันที

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่การพัฒนาพื้นที่ นิคมฯ ยางพารามีความชัดเจน ทั้งทางด้านระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ส่งผลให้มีกลุ่มนักลงทุนจากมาเลเซีย ไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น ตัดสินใจที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อการลงทุน ซึ่งล่าสุดได้มีการแจ้งความประสงค์จองพื้นที่เพื่อประกอบกิจการแล้วประมาณ 500 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง

ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจอยู่ระหว่างการตัดสินใจเข้ามาลงทุนอีกจำนวน 179 ไร่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ที่สามารถเชื่อมโยงกับตลาดต่างๆ ทั้งในกลุ่มสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย รวมทั้งการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

น.ส.สมจิณณ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีความได้เปรียบด้านแรงงานและวัตถุดิบยางพารา โดย กนอ.คาดว่าหากมีการใช้พื้นที่เต็มโครงการทั้งหมด จะมีความต้องการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000 ตัน/ปี มีสัดส่วนเป็นน้ำยางข้น 60% หรือ 5,400 ตัน/ปี และยางแผ่นรมควัน 40% หรือ 3,600 ตัน/ปี ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางประมาณ 450 ล้านบาท/ปี และเมื่อนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ 4,500 ล้านบาท

"การส่งเสริมรับเบอร์ซิตี้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตรในกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราตามยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ ที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิตเพื่อยกระดับราคายางพาราภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น" น.ส. สมจิณณ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากพื้นที่โครงการ 1,218 ไร่ แบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่พรีเมียมโซน อุตสาหกรรมสะอาดที่ไม่มีมลพิษจำนวน 20 แปลง รวม 438 ไร่ และพื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยางพาราขั้นกลางและขั้นปลายจำนวน 77 แปลง รวม 779 ไร่