posttoday

เวนคืนแก้จราจรกทม.

19 ตุลาคม 2561

คจร.เตรียมเวนคืนถนนส่วนบุคคลรอบกรุงเทพฯ นิติ-บุคคลหวังเคลียร์ปัญหารถติดเมืองกรุง นำร่องรามคำแหง-ลาดพร้าว

คจร.เตรียมเวนคืนถนนส่วนบุคคลรอบกรุงเทพฯ นิติ-บุคคลหวังเคลียร์ปัญหารถติดเมืองกรุง นำร่องรามคำแหง-ลาดพร้าว

นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง และจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานการประชุม คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและ สนข.ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ตามแผนที่ได้เสนอมา โดยเฉพาะตามแนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ ของประชาชน

นอกจากนี้ ยังต้องเร่งรัดผู้รับเหมา และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้คืนผิวจราจรโดยเร็วเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในแต่ละจุด ส่วนการก่อสร้างในอนาคตก็ขอให้ปิด พื้นผิวจราจรเท่าที่จำเป็น

สำหรับแผนที่ได้เสนอเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้น มีการเสนอประเด็นเวนคืนพื้นที่ถนนส่วนบุคคลที่สามารถเชื่อมต่อถนนสายหลักในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพื่อให้การจราจรคล่องตัว โดยจะมอบหมายให้ กทม.ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางลักษณะดังกล่าวของบริษัทเอกชนอย่างนิติบุคคลและส่วนบุคคล โดยเฉพาะตามแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเหลือง

ทั้งนี้ ถนนรามคำแหงและถนนลาดพร้าวเป็นถนนนำร่องสองสายแรกที่ทำสำรวจ เบื้องต้นมีจุดที่เหมาะสมคือซอยรามคำแหง 118 เป็นซอยลัดระยะทาง 600 เมตร เชื่อมต่อถนนรามคำแหงกับถนนร่มเกล้าซึ่งปัจจุบันเป็นถนนส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ข้อสรุปของพื้นที่สำรวจแล้ว จะขอให้รัฐบาลทำการเวนคืนที่ดินหรือเสนอเงื่อนไขอื่นเพื่อ เป็นเปลี่ยนทางดังกล่าวให้เป็นถนนสาธารณะ

ด้านแผนระยะเร่งด่วนนั้น กระทรวงคมนาคมจะเปิดบริการจัดเดินรถเมล์ปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) ให้บริการฟรี 2 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางเลี่ยงบริเวณที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น โดยจะเปิดให้บริการฟรีไปเรื่อยๆ จนกว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย จะเสร็จประมาณ 2-3 ปี ได้แก่ สาย 145 อู่แพรกษาบ่อดิน-หมอชิต 2 และสาย 168 ตลาดมีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

นอกจากนี้ ยังมีบริการรถชัตเทิลบัสใหม่ 2 เส้นทางเตรียมเปิดบริการ ได้แก่ เส้นทางศูนย์การค้าพาซิโอทาวน์ ราม คำแหง-สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์หัวหมาก และเส้นทางตลาดมีนบุรีลาดกระบัง

รายงานข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า เบื้องต้น ขสมก.จะใช้รถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) 5 คัน วิ่งให้บริการในช่วงเร่งด่วนเช้า-เย็น เพื่อเป็นชัตเทิลบัส ใหม่ทั้งสองสาย ซึ่งช่วงเวลาและกำหนดเปิดให้บริการนั้นคาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆ นี้

ด้านความคืบหน้าการจัดรถ 2 เส้นทางขึ้นทางด่วนพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยง จุดวิกฤตบริเวณเส้นทางดังกล่าว ได้แก่ สาย 145 อู่แพรกษาบ่อดิน-หมอชิต 2 (ทางด่วน) และสาย 168 ตลาดมีนบุรีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) นั้น พบว่า ปัจจุบันประชาชนได้มีการรับรู้และมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะสาย 145 ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะให้บริการช่วง เร่งด่วนเช้า 06.00-11.00 น. และช่วง เร่งด่วนเย็น 16.00-20.00 น.

สำหรับสาย 145 รถจะออกจากต้นทางอู่แพรกษาบ่อดิน-หมอชิต 2 จำนวน 5 คัน ส่วนปลายทางรถออกจากหมอชิต 2 จำนวน 1 คัน ส่วนเร่งด่วนเย็น รถจะออกจากหมอชิต 2 จำนวน 5 คัน และรถจะออกจากอู่แพรกษาบ่อดิน 1 คัน ขณะที่สาย 168 ช่วงเร่งด่วนเช้า รถจะออกจากตลาดมีนบุรี 5 คัน และออกจากอนุสาวรีย์ชัย 1 คัน และเร่งด่วนเย็น รถจะออกจากอนุสาวรีย์ชัยฯ 5 คัน และออกจากตลาดมีนบุรี 1 คัน

ภาพประกอบข่าว