posttoday

ครม.ไฟเขียวแก้ร่างกม.หอการค้า-สมาคมการค้าสร้างความเข้มแข็งSME

16 ตุลาคม 2561

ครม.อนุมัติแก้ไข พ.ร.บ.หอการค้า-สมาคมการค้า เพิ่มศักยภาพ-สร้างความเข้มแข็งให้ SME

ครม.อนุมัติแก้ไข พ.ร.บ.หอการค้า-สมาคมการค้า เพิ่มศักยภาพ-สร้างความเข้มแข็งให้ SME

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หอการค้า และร่าง พ.ร.บ.สมาคมการค้า ซึ่งเป็นการปรับปรุง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับเดิมมีใช้มาตั้งแต่ปี 2509 เนื่องจากมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานให้หอการค้าและสมาคมการค้าในการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยวิสาหกิจหรือเอสเอ็มอีสามารถรวมตัวกันเป็นสมาคมการค้า หลังจากนั้นสมาคมการค้าสามารถไปเป็นสมาชิกของหอการค้าได้

ปัจจุบันมีหอการค้าอยู่ทั่วประเทศ 116 แห่ง หลักๆ คือ หอการค้าจังหวัดๆ ละ 1 แห่ง รวม 76 แห่ง นอกจากนี้ยังมีหอการค้าต่างประเทศ และสมาคมการค้า อีก 2,872 รายทั่วประเทศ

สาระสำคัญของ พ.ร.บ.หอการค้า คือ การเพิ่มนิยามสมาคมการค้าเพื่อให้ครอบคลุมถึงสมาคม ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการค้าด้านต่างๆ ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ให้สามารถสมัครและใช้สิทธิ์ในฐานะสมาชิกสามัญของหอการค้าได้ เนื่องจากของเดิมระบุว่าสมาคมการค้าต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีสมาคมอีกจำนวนมากที่ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าด้านต่างๆ ก็สามารถเป็นสมาชิกของหอการค้าได้ ทำให้หลังจากนี้สมาคมการค้าต่างๆ สามารถเป็นสมาชิกของหอการค้าได้ง่ายขึ้น เป็นช่องทางให้สามารถรวมตัวกันและผลักดันนโยบายต่างๆผ่านมาทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัด (กรอ.จังหวัด)

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของหอการค้าให้สามารถดำเนินการเพื่อส่งเสริมการค้า โดยสามารถทำสัญญากับภาครัฐได้, มีอำนาจเป็นพยานรับรองลายมือชื่อของบุคคลในเอกสารที่มีผู้ขอรับรอง (Notery Public) และจัดส่งเสริมการค้าบริการที่มีกฎหมายระบุให้เป็นหน้าที่ของหอการค้า และยังมีการเพิ่มเติมข้อยกเว้นให้หอการค้าสามารถประกอบวิสาหกิจที่เป็นไปตามหน้าที่ของหอการค้าได้ เช่น การส่งเสริมการค้า การบริการ การประกอบวิชาชีพอิสระ รับให้คำปรึกษา ให้ข้อแนะนำ เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้นเนื่องจากกฎหมายเดิมห้ามหอการค้าประกอบวิสาหกิจทุกประเภท แต่หัวใจหลักคือหอการค้ายังไม่สามารถทำเพื่อแสวงหาผลกำไรได้ยังเป็น Non profit organization เพียงแต่การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ฉบับนี้เปิดช่องทางให้หารายได้ได้

ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องการยกเลิกหอการค้ากำหนดให้ต้องใช้สัดส่วนเสียง 3 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด, การปรับอัตราค่าธรรมเนียม เช่น ใบอนุญาตหอการค้าเดิมฉบับละ 500 บาท เป็นฉบับละ 2,000 บาท

"นายกรัฐมนตรีกำชับว่าหลังจากนี้การขึ้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ต้องไม่มีผลกระทบกับประชาชน ไม่ทำให้ประชาชนได้รับความลำบาก" นายณัฐพร กล่าว

ส่วน พ.ร.บ.สมาคมการค้า มีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยระบุว่าในการใช้ชื่อสมาคมการค้าจะต้องมีการใช้คำว่า "สมาคมการค้า" นำหน้าชื่อเพื่อความชัดเจน และเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่สมาคมการค้าให้สามารถประกอบวิสาหกิจเพื่อส่งเสริมการค้าได้มากขึ้น รวมทั้งปรับอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสมาคมการค้าจากเดิมฉบับละ 500 บาท เป็น 1,500 บาท