posttoday

ตีกลับแผนซ่อมรถเมล์

21 กันยายน 2561

บอร์ด ขสมก.ย้ำเปิดกว้างเอกชนร่วมประมูล คาดเริ่มได้ใน 2 เดือน เตรียมปลดล็อกจ้างพนักงานนอกเสริมงานขาด

บอร์ด ขสมก.ย้ำเปิดกว้างเอกชนร่วมประมูล คาดเริ่มได้ใน 2 เดือน เตรียมปลดล็อกจ้างพนักงานนอกเสริมงานขาด

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธาน คณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ขสมก. ได้ตีกลับโครงการปรับปรุงสภาพรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ยี่ห้อฮีโน่ 323 คัน ราคากลาง 155 ล้านบาท หรือคันละ 4.8 แสนบาท โดยให้กลับไปปรับปรุงร่างรายละเอียดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ใหม่ให้มีความชัดเจนขึ้น เช่น รายละเอียดการปรับปรุง อาทิ ตัวรถ กระจก และเบาะที่นั่ง รวมทั้งให้กำหนดคุณสมบัติเปิดกว้างหาเอกชนที่เข้ามาร่วมประมูล หลังจากนั้นให้นำเสนอที่ประชุมบอร์ดใหม่ในเดือน ต.ค. โดยคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลโครงการ ดังกล่าวภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ก่อนลงนามสัญญาในเดือน ม.ค. 2562 และมีข้อกำหนดว่าเอกชนต้องส่งมอบรถภายใน 11 เดือน พร้อมปรับปรุงรถเมล์และส่งมอบเดือนละ 30 คัน

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบแผน ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยจะเริ่ม ใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ พร้อมแก้กฎหมาย เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขการรับพนักงานเพิ่มให้สามารถรับลูกจ้างภายนอก (Outsource) เข้ามาทำงานเพื่อลดต้นทุนตำแหน่งที่ ขสมก.ต้องการตอนนี้ เช่น พนักงาน ฝ่ายไอที และฝ่ายกฎหมาย เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะการติดตั้งระบอี-ทิdเก็ตใน รถเมล์

ทั้งนี้ ใน 2 ตำแหน่งดังกล่าวต้องใช้ความสามารถเฉพาะ ทาง ขสมก.จะเปิดรับสมัครใหม่ เพื่อหาคนเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ซึ่งจะพิจารณาพนักงานเดิมภายในองค์กรด้วย เช่น พนักงานเก็บค่าโดยสารหากเรียนจบนิติศาสตร์ และมีความรู้ความสามารถ มีคุณสมบัติครบตามที่  ขสมก.กำหนด จะโยกย้ายมาทำงานฝ่ายกฎหมายได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานไม่เพียงพอในบางสายงาน ขณะเดียวกันบางตำแหน่งพนักงานก็มากเกินไป

นายณัฐชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าแผนลงทุนจัดหารถเมล์ใหม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดภายในปลายปีนี้จะเสนอเรื่องเช่ารถเมล์ตามแผนยุทธศาสตร์วงเงิน 5,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเช่ารถเมล์ไฮบริด จำนวน 400 คัน วงเงิน 3,257 ล้านบาท โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 300 คัน วงเงิน 1,783 ล้านบาท ส่วนประเด็นว่าจะเช่าระบบไหนมาทดสอบวิ่งบริการก่อนนั้นต้องทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

ภาพประกอบข่าว