posttoday

กรมการค้าต่างประเทศมั่นใจรัฐบาลลาวยุติพิจารณาสร้างเขื่อนใหม่ไม่กระทบไทย

08 สิงหาคม 2561

กรมการค้าต่างประเทศมั่นใจรัฐบาลสปป.ลาว ยุติพิจารณาโครงการเขื่อนใหม่ชั่วคราวไม่กระทบแผนลงทุนไทย เชื่อลาวยังเดินหน้าต่อแต่จะเดินแบบระมัดระวังขึ้น

กรมการค้าต่างประเทศมั่นใจรัฐบาลสปป.ลาว ยุติพิจารณาโครงการเขื่อนใหม่ชั่วคราวไม่กระทบแผนลงทุนไทย เชื่อลาวยังเดินหน้าต่อแต่จะเดินแบบระมัดระวังขึ้น

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงประกาศมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ของสปป.ลาว ที่ให้ยุติการพิจารณาสร้างเขื่อนใหม่ในสปป.ลาวชั่วคราวว่า คงเป็นเรื่องภายในของรัฐบาลลาวว่าจะเดินต่อไปอย่างไร แต่เชื่อว่ารัฐบาลลาวคงจะไม่หยุดการส่งเสริมการลงทุนสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าในสปป.ลาว เพราะการขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นรายได้หลักของสปป.ลาว แต่ต่อไปจะเป็นการทำอย่างระมัดระวังมากขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลลาวมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในการสร้างเขื่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสปป.ลาว โดยในปี 2563 สปป.ลาวมีแผนที่จะสร้างเขื่อนให้ได้อีก 50 แห่ง ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีก 2 เท่า เพื่อให้เป็นแบตเตอร์รี่ของอาเซียน

"หากรัฐบาลลาวยังเดินนโยบายการเป็นแบตเตอร์รี่ของอาเซียนอยู่ เชื่อว่าอย่างไรก็คงยังส่งเสริมการลงทุนสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่ แต่จะทำอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาประชาชนชาวลาวถูกจำกัดการรับรู้ข้อมูล พอเกิดเหตุการณ์เขื่อนแตกขึ้นมา จึงมีการระบายผ่านโซเซียลมีเดียต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำกัดไม่ได้ ดังนั้นในการพิจารณาการลงทุนสร้างเขื่อนใหม่ๆ ของสปป.ลาว คงต้องมัการประเมินความเสี่ยงและพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น" นายอดุลย์ กล่าว

อย่างไรก็ดี แน่นอนว่าการที่รัฐบาลลาวจะต้องพิจารณาและประเมินความเสี่ยงด้านการก่อสร้างและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ย่อมทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการที่เข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้ปรับเข้าสู่มาตรฐานสากลมากขึ้น

ด้านน.ส.ยานี ศรีมีชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวว่า การที่ชะลอพิจารณาสร้างเขื่อนทั้งโครงการเดิมๆ และโครงการใหม่ในสปป.ลาว ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้มีเวลาในการตรวจสอบมาตรฐานให้เข้มงวดมากขึ้นในการลงทุน แต่อย่างไรก็ดี ยังเชื่อมั่นว่านักลงทุนไทยยังมีประสิทธิภาพและมาตรฐานในการเข้ามาลงทุนด้านไฟฟ้า จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้ประกอบการไทยเข้ามาลงทุนและสามารถแข่งขันกับนักลงทุนจากประเทศอื่นๆ ได้

"ปัจจุบันการลงทุนด้านไฟฟ้าของไทยในสปป.ลาว ถือว่ายังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 2% เมื่อเทียบกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ และยังเชื่อว่า อย่สงไรก็ดีสปป.ลาวก็จะยังเดินหน้าในโครงการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์พอเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าได้" น.ส.ยานี กล่าว

ทั้งนี้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสปป.ลาว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยในปี 2560 มีทูลค่าการค้าระกว่างกันอยู่ที่ 6,170.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออก 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2561) อยู่ที่ 3,459.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 17.01% เป็นการส่งออก 2,164.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.13% และเป็นการนำเข้า 1,294.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ