posttoday

สั่งเร่งเคลียร์ข้าวค้างโกดัง

18 กรกฎาคม 2561

อคส.แจงเอกชนไม่มารับมอบข้าวสารสต๊อกรัฐ อ้างติดปัญหาคุณภาพ ขณะที่มูลค่าความเสียหายคดีจำนำข้าวทะลุ 1.15 แสนล้าน

อคส.แจงเอกชนไม่มารับมอบข้าวสารสต๊อกรัฐ อ้างติดปัญหาคุณภาพ ขณะที่มูลค่าความเสียหายคดีจำนำข้าวทะลุ 1.15 แสนล้าน

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รายงานปัญหาการรับมอบข้าวสารตามสัญญาซื้อขายข้าวสต๊อกรัฐบาลเพื่อการบริโภค (กลุ่ม 1) ที่ได้เปิดประมูลในช่วงที่ผ่านมาระหว่างผู้ชนะการประมูล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ อคส. ล่าสุด พบว่ามีข้าวที่ยังไม่ได้ถูกรับมอบทั้งหมดปริมาณ 7 แสนตัน แบ่งเป็น 4 กรณี คือ คู่สัญญาชำระเงินแล้วแต่ไม่มารับมอบประมาณ 1 แสนตัน คู่สัญญาไม่ชำระเงินและไม่มารับมอบ 3.5 แสนตัน คู่สัญญาไม่มารับมอบเพราะติดปัญหาเรื่องคุณภาพข้าว 2 แสนตัน และที่เหลือติดปัญหาอื่นๆ

ทั้งนี้ ปริมาณข้าวที่ติดปัญหาการ ไม่มารับมอบ 7 แสนตัน คาดว่าจะมีปริมาณเกือบครึ่ง หรือประมาณ 3 แสนตัน ที่ไม่สามารถรับมอบได้ โดยส่วนใหญ่ติดปัญหาเรื่องคุณภาพ ซึ่งจะเร่งรัดให้ อคส.ไปดำเนินการเพื่อให้คู่สัญญาเข้ามารับมอบตามสัญญา หากไม่สามารถรับมอบข้าวและทิ้งสัญญา ทางคู่สัญญาก็จะต้องดำเนินคดี ตามกฎหมาย ส่วนข้าวที่ไม่มารับมอบจะนำมาเปิดประมูลใหม่อีกครั้ง

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าวได้รายงานให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะได้รับมอบหมายเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยสั่งการให้ อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เร่งรัดคู่สัญญามารับมอบข้าวให้หมด และถ้าต้องฟ้องร้องกับเอกชน คู่สัญญา หรือแม้แต่โกดังกลางและผู้ตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) ที่ทำให้ข้าวรัฐได้รับความเสียหายก็ให้ดำเนินการฟ้องทั้งคดีอาญาและแพ่ง

รายงานข่าวแจ้งว่า นบข. มีมติเมื่อ วันที่ 19 ธ.ค. 2557 ให้ อคส. และ อ.ต.ก. ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี สำหรับ ข้าวในสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2551-2557 ซึ่งมีคุณภาพ ไม่ตรงตามมาตรฐาน หรือเป็นข้าวเสื่อม โดย อคส.ได้มีหนังสือ 3 ฉบับ ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคู่สัญญาที่กระทำผิดและดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งคดีอาญาและแพ่ง รวม 106 ราย 777 คลังสินค้า โดยปัจจุบัน ผลการสอบสวนพบว่ามีคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย 783 คดี และคดีที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ 101 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 1.15 แสนล้านบาท

ภาพประกอบข่าว