posttoday

ไทยออยล์ควัก1.2หมื่นล.ต่อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ

28 มิถุนายน 2561

ครม.ไฟเขียวให้ไทยออยล์เช่าที่กรมธนารักษ์ จ.ชลบุรี ระยะ 30 ปี สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน นายกฯ ยันขั้นตอนโปร่งใส รัฐได้ประโยชน์

ครม.ไฟเขียวให้ไทยออยล์เช่าที่กรมธนารักษ์ จ.ชลบุรี ระยะ 30 ปี สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน นายกฯ ยันขั้นตอนโปร่งใส รัฐได้ประโยชน์

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. เห็นชอบให้กรมธนารักษ์ต่อสัญญาการเช่าที่ดินราชพัสดุ ต.บางพระ ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พื้นที่ 1,499 ไร่ ให้กับบริษัท ไทยออยล์ ออกไปอีก 30 ปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

ทั้งนี้ กำหนดชำระค่าตอบแทนให้กับรัฐในวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท สิ้นสุดสัญญาเช่าวันที่ 10 ก.ย. 2595 จากเดิมจะครบอายุสัญญาเช่าวันที่ 10 ก.ย. 2565 เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่น ทั้งนี้ หากบริษัทมีการดำเนินโครงการ หรือมีกิจการใดๆ เพิ่มจะต้องมีการทบทวนค่าตอบแทน ดังกล่าวเพิ่มตามไปด้วย

"สำหรับอัตราค่าเช่าที่กรมธนารักษ์จ้างผู้ประเมินอิสระประเมินราคานั้นประเมินได้ที่ 8,756 ล้านบาท ขณะที่เอกชน เสนอมาในวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้กำชับให้ทำความเข้าใจกับสังคมว่า การต่อสัญญาเช่าครั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทน พบว่าบริษัทเอกชนให้ค่าตอบแทนสูงกว่าที่รัฐประเมินไว้ใน ทุกมิติ เพราะฉะนั้นไม่มีการซูเอี๋ยกับเอกชนอย่างแน่นอน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้กรมธนารักษ์ได้เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ที่เห็นควรให้ต่อสัญญาให้กับเอกชนรายเดิม โดย กรมธนารักษ์ได้มีการประเมินมูลค่าตลาดของค่าเช่าโดยผู้ประเมินอิสระ ซึ่งได้ว่า จ้างที่ปรึกษาคำนวณผลตอบแทนในการเช่าที่ดินราชพัสดุตามราคาตลาดคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน ณ ปี 2565 เท่ากับ 8,756.44 ล้านบาท และมีการประเมินมูลค่าของทรัพย์สิน (ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) ณ ปี 2565 เท่ากับ 13,491.70 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อประเมินค่าธุรกิจในปี 2595 จะมีมูลค่าประมาณ 21,327 ล้านบาท สูงกว่าที่รัฐคำนวณได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการให้เอกชนรายเดิมได้ต่อสัญญา เนื่องจากจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อรัฐ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคงทางด้านพลังงาน ขณะเดียวกันได้รับ ข้อสังเกตจากจากคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย เห็นว่าโรงกลั่นน้ำมันของไทยออยล์มีความเชื่อมโยงต่อการขยายตัวของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วย   ประกอบกับกรมธนารักษ์ได้มีการกำหนดกรอบในการพิจารณาปรับค่าเช่าเพิ่มอัตรา 10% ในทุก 3 ปี อยู่แล้ว