เมินใช้ตั๋วร่วม อ้างขอขึ้นราคา

ผู้ประกอบการรถร่วมปฏิเสธเชื่อมบัตรแมงมุม หวั่นรถเมล์ในกรุงเทพฯ กว่าครึ่งส่อใช้ตั๋วร่วม-บัตรคนจนไม่ทันตามแผน 1 ต.ค.นี้

นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ (รถร่วม) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการรถร่วมทุกกลุ่มปฏิเสธที่จะเข้าร่วมและลงทุนติดตั้งระบบเชื่อมต่อการเดินทางด้วยบัตรใบเดียวหรือตั๋วร่วม รวมถึงระบบสแกนบัตรผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะส่งผลให้รถเมล์มากกว่าเกือบครึ่งที่วิ่งบริการในกรุงเทพฯ ไม่สามารถอ่านบัตรแมงมุมและบัตรผู้มีรายได้น้อยได้ภายในปีนี้ตามแผนที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ เนื่องจากรถปัจจุบันประสบปัญหาหนี้สินสะสม ทำให้ไม่สามารถลงทุนเพิ่มเติมอะไรได้อีก โดยสมาคมรถร่วมฯ เสนอเงื่อนไขไปยังกระทรวงคมนาคมว่าหากต้องการให้รถร่วม ขสมก.ลงทุนเพิ่มจะต้องยอมขึ้นค่าโดยสาร ตามที่ขอไว้คือเริ่มต้น 20 บาท และมีระบบขายตั๋ววันใบละ 40 บาท รวมถึงต้องยอมมอบสัมปทานเส้นทางปฏิรูปใหม่ระยะเวลา 7 ปีในเส้นทางเดิมที่ รถร่วมวิ่งอยู่แล้ว หากระดับนโยบายรัฐบาลยอมดำเนินการให้ยืนยันว่าพร้อมจะลงทุนเชื่อมตั๋วร่วมทันที 2,100 คัน

นายเผด็จ ประดิษฐเพชร ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า จะมีการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการรถเมล์เอกชนร่วมบริการ (รถร่วมฯ ขสมก.) และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะเอกชนร่วมบริการ (รถร่วมฯ บขส.) เพื่อหาแนวทางเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะด้วยบัตรใบเดียวหรือตั๋วร่วม ให้สามารถใช้กับรถบัสร่วมบริการในท้องถิ่นตามต่างจังหวัด โดยการสแกนผ่านบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ด้วยเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) รวมทั้งการติดตั้งระบบอ่านบัตรตั๋วร่วมบนรถเมล์ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอยู่ราว 1 หมื่นคัน

ทั้งนี้ รถร่วมฯ ขสมก.สามารถขอความช่วยเหลือจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในเรื่องการติดตั้งโปรแกรม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายระบบซอฟต์แวร์ได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าขสมก.จะติดตั้งระบบตั๋วร่วมได้ทัน 1 ต.ค.แน่นอน

ด้าน นายประยูร ช่วยแก้ว รอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ และรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าในวันที่ 1 ต.ค.นี้จะสามารถเชื่อมตั๋วร่วมกับรถเมล์ได้แน่นอน แม้ จะสามารถเชื่อมต่อได้เพียงบางส่วน แต่ไม่ครบ 2,600 คันก็ตาม