posttoday

รมว.เกษตรฯหวั่นฟอกที่ดินสวนส้มเชียงใหม่ให้นอมินี

26 มิถุนายน 2561

"กฤษฎา" หวั่นฟอกที่ดินสวนส้มเชียงใหม่ให้นอมินี เผยหากท่าไม่ดียึดโมเดลชุมพร รื้อหมดสวน

"กฤษฎา" หวั่นฟอกที่ดินสวนส้มเชียงใหม่ให้นอมินี เผยหากท่าไม่ดียึดโมเดลชุมพร รื้อหมดสวน

นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ให้เลขาธิการสำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก. ) รายงานเรื่องการจัดที่ดินสวนส้มจังหวัดเชียงใหม่ที่ยึดตามคำสั่งคสช.ที่ 36/2559 กว่า 5 พันไร่ ที่ยังไม่สามารถจัดเกษตรกรเข้าทำกินได้ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และได้ดำเนินการไปถึงไหนเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งอาจะให้ดำเนินการตามแนวเดียวกับที่สปก.ชุมพร คือ รื้อและจัดให้เกษตรกร

"ผมขอดูรายละเอียดก่อนว่าทำไม ยังไม่จัดคนลง แล้วทำไมยังเป็นสวนส้ม แล้วทำไมต้องมีเรื่องเกษตรพันธะสัญญาทำสวนส้มกันต่อ ยอมรับว่ายังไม่ได้ติดตามเรื่องจริงจัง อีกทั้ง อำนาจจัดคนลงเป็นเรื่องของคณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด(คทช.เชียงใหม่) ผู้ว่าเป็นประธาน อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยหากต้องเสียที่ดินไปเกือบ 2 พันไร่เพื่อกันแปลงให้สวนส้ม ดังนั้นขอรายละเอียดมาดูก่อนและคงไม่ยอมให้มีนอมินีของใครไปลงแทนเกษตรกร เขาทำไว้เมื่อไหร่ ทำยังไงก่อนหน้า ผมก็ต้องขอดูก่อน"รมว.เกษตรฯกล่าว

ทั้งนี้แหล่งข่าวในสปก.ระบุว่า เห็นด้วยกับที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคทช. ชะลอเรื่อง เพราะที่ผ่านมาได้มีการทวงถาม เกี่ยวกับเกษตรกรที่จะเข้ามา 300 รายคือใคร เพราะก่อนหน้ามีการตั้งข้อสังเกตว่าจังหวัดไม่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องคนที่จะมารับสิทธิ์มากเพราะมีการนำคนของสวนส้มมาขอรับสิทธิ์ เสมือนเป็นนอมินีให้ เพราะที่จริงสปก.ควรรื้อสวนและให้เกษตรกรที่อิสระในการทำกินมากกว่าจับทำพันธะสัญญา ชัดเจนว่าเมื่อประธานคทช.ยังชะงัก ใครจะกล้าเซ็นต่อและทำไมต้องยอมบริษัทเอกชน

ทั้งนี้สืบเนื่องจากในการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด(คทช.จังหวัดเชียงใหม่) ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61ได้มีการอ้างถึงรายงานการประชุมคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว วันที่23ก.พ.61 มีการหารือในที่ประชุมกรณีมีผู้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม และคทช.เชียงใหม่ ประสงค์ขอทราบแนวทางที่ชัดเจนจากทางส.ป.ก.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ คุณสมบัติเกษตรกร ที่จะได้รับการคัดเลือก สิทธิ หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างเกษตรกรสมาชิก สหกรณ์ และเจ้าของสวนส้มเดิม จึงเป็นประเด็นที่ได้หารือร่วมกัน ทั้งนี้ประธานคทช.เชียงใหม่ ในฐานะผู้ใช้อำนาจในการอนุมัติรายชื่อบัญชีผู้ที่สมควรจะได้รับการจัดที่ดิน มีข้อกังวลว่าผู้มาขอรับที่ดินทราบรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้งหมดในการจัดรับที่ดินแปลงสวนส้มหรือไม่ว่าต้องทำสวนส้ม ต้องร่วมกันเป็นสหกรณ์การเกษตร ไม่ได้สิทธิในที่ดินเป็นการเฉพาะราย รวมทั้งการเป็นผู้รับหนี้สินในการร่วมตั้งสหกรณ์ และการลงทุน ร่วมถึงต้องทำเกษตรพันธะสัญญากับเอกชน

แหล่งข่าวจากสปก.จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 มิ.ย. สปก.ส่วนกลางจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและทำบัญชีทรัพย์สินของของที่ดินสปก.แปลงสวนปาล์มที่บริษัทสหไทยน้ำมันพืช จำกัด 6 พันกว่าไร่ ที่สปก.ได้ใช้มาตรา 44 ยึดไว้เพื่อรายงานคสช.ตามคำสั่งที่ 36/2559 และจากนั้นจะเริ่มทำผังแบ่งแปลงและนำรายละเอียดเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมคทช.ชุมพร เพื่อเตรียมจัดเกษตรกรต่อไป

โดยหลังจากนี้จะให้เอกชนรื้อถอนต้นปาล์ม ซึ่งจะยึดตามข้อมูลที่ทางเอกชนเคยร้องต่อศาลว่ามีประมาณ 1.3 แสนต้น ทั้งนี้หากไม่รื้อถอนเอง แต่ให้สปก.รื้อถอน ทางสปก.จะต้องเรียกเก็บค่าดำเนินการประมาณ 32 ล้านบาท