เกษตรฯบุกติดคำสั่งยึดคืนที่ดิน6พันไร่จากนายทุนสวนปาล์มชุมพร

เจ้าหน้าที่บุกติดประกาศคำสั่งหัวหน้าคสช.ยึดคืนที่ดินสวนปาล์มชุมพรจากนายทุน 6.4 พันไร่เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านทำกิน

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษารมช.เกาตรและสหกรณ์พร้อมด้วย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกำลังทหารและตำรวจ ฝ่ายปกครองท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ประมาณ 100 คน เข้าติดประกาศคำสั่งยึดพื้นที่เป้าหมาย แปลงหมายเลข 83 บริษัท สหไทยน้ำมันพืช เนื้อที่ประมาณ 6,281 ไร่ ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เนื้อที่ 6,415 ไร่ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่36/2559 ยึดคืนพื้นที่เป้าหมายเลขที่ 83 ลงวันที่ 19 มิ.ย.61

ประกาศดังกล่าวระบุว่า ภายหลังที่ คสช.มีคำสั่งยืดคืนพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา ส.ป.ก. ได้กำหนดแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่ แต่บริษัทได้ยื่นหนังสือขอแสดงสิทธิอ้างว่าได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และให้แผ้วถางป่าในพื้นที่ป่าตามมาตรา4(1) แห่งพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และได้รับอนุญาตต่อเนื่องถึง วันที่ 10 ต.ค. 59 โดยแจ้งว่าพื้นที่ดังกล่าวกรมป่าไม้มีภาระผูกพันในขณะส่งมอบให้ ส.ป.ก.เนื่องจากกรมป่าไม้อนุญาตให้บริษัทฯ เข้าทำประโยชน์จึงต้องกันพื้นที่คืนกรมป่าไม้ ซึ่งส.ป.ก.ชุมพร ได้ตรวจสอบคำร้องขอแสดงสิทธิในที่ดินแล้วมีหนังสือที่ ชพ 0099/2196 ลงวันที่ 31 ส.ค.59 แจ้งผลการพิจารณาการยื่นคำคัดค้านให้บริษัทฯ ทราบว่า ใบอนุญาตให้แผ้วถางป่าดังกล่าวไม่ใช่หนังสือที่จะยกขึ้นต่อสู้ในเรื่องสิทธิในที่ดินกับ ส.ป.ก.ได้ และแจ้งบริษัทฯ ให้รื้อถอนทำลายอาคารสิ่งปลูกสร้างสิ่งอื่นใดและออกไปจากที่ดินภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง

โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งของ ส.ป.ก.และศาลไม่รับคำฟ้อง ต่อมาบริษัทยังได้ร้องขอศูนย์ดำรงธรรมจ.ชุมพร โดยอ้างว่าได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ทำให้กรมป่าไม้ได้มีหนังสือที่ ทส 1602.3/21273 ลงวันที่ 13 ธ.ค. 59 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้มีคำวินิจฉัย เรื่องเสร็จที่ 339/2560 เมื่อเดือนมี.ค. 60 ว่า ส.ป.ก.สามารถเข้าดำเนินการในพื้นที่เป้าหมายได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน ข้อ 4 แห่งคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 จึงถือว่าข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจในที่ดินเป็นที่ยุติแล้ว

"พฤติการณ์เห็นได้ชัดเจนว่าบริษัทไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่ง จงใจฝ่าฝืนปักป้ายแสดงสิทธิในที่ดิน ประธานคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมินชอบด้วยกฏหมายระดับจังหวัด จังหวัดชุมพร จึงขอสั่งให้บุคคล ที่อยู่ในแปลงที่ดินดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกรรมการบริษัท พนักงาน ลูกจ้าง หรือลุกจ้างในกิจการต่างๆของบริษัทออกจากพื้นที่ภายในเวลา 11.30 น.ของวันที่ 19 มิ.ย. 61 และห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้อีก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสปก.ชุมพรเป็นหนังสือ และหากยังเข้ามาอีกถือว่าบุกรุก มีความผิดฐานขัดขาวงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งหัวหน้าคสชงที่ 36/2559 และบุกรุกที่ดินของรัฐ เป็นความผิดอาญามีโทศจำคุก โดยสปก.ขอส่งมอบพื้นที่ให้มณฑลทหารบกที่ 44 เพื่อควบคุมพื้นที่ต่อไป เพื่อรักษาความสงบจนกว่าจะมีการจัดที่ดินตามนโยบายของรัฐบาล"คำสั่งระบุ

แหล่งข่าวในสปก.เปิดเผยว่า สปก.จังหวัดชุมพร พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าพื้นที่สวนปาล์มสหไทยน้ำมันพืช จำกัด อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่ครอบครองที่ดินของสปก.จำนวน 6 พันไร่ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 มิ.ย. ปรากฏว่า ทางบริษัทได้นำป้ายข้อความว่า ที่ดินดินแปลงบริษัทสหไทยน้ำมันพทืชได้ครอบครองโดยชอบด้วยกฏหมายและได้ยื่นฟ้อง เลขาธิการสปก. และสปก.ชุม ต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองได้รับฟ้องและได้นักไต่สวนฉุกเฉิน วันที่ 26 มิ.ย. 2561 และนำคนงานมาตั้งแถวเป็นเกราะไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่

แต่เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็พบ บริษัทได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561 และในข้อเท็จจริงปรากฏว่า การยื่นต่อศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช ทางบริษัทดังกล่าวไม่ได้ยื่นขอคุ้มครองฉุกเฉิน และ ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้อง ตามที่ปรากฏในป้ายที่ตัดดักทางไว้ ดังนั้นทางฝ่ายความมั่นคงจึงไม่รีรอและเข้าดำเนินการยึดพื้นที่ทันที

"โดยขณะนี้ทางกำลังทหารได้เข้าไปยึดและส่งทหารเข้าประจำที่ป้อมยามของบริษัท ที่ตั้งกระจายรอบพื้นที่ 6 พันไร่ ซึ่งทางสปก.จะขอกำลังทหารให้ประจำการในพื้นที่ประมาณ 3 เดือน โดยระหว่างนี้ทราบว่าทางคณะกรรมการจัดที่ดินจังหวัดชุมพร ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดจะเร่งประชุม เพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนที่ยื่นคำร้องขอที่ดินตามนโยบายของรัฐบาล"แหล่งข่าวกล่าว