กรมศุลฯเผยขยะอิเล็กทรอกนิกส์ทะลักไทยเพิ่มหลังจีนประกาศห้ามนำเข้า
กรมศุลกากรเผยไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม หลังจีนประกาศห้ามนำเข้า เผยตีกลับตู้สินค้าที่ทำผิดเงื่อนไขไปแล้ว 40 ตู้
กรมศุลกากรเผยไทยนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม หลังจีนประกาศห้ามนำเข้า เผยตีกลับตู้สินค้าที่ทำผิดเงื่อนไขไปแล้ว 40 ตู้
นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมศุลกากร นายบุญมา สิริธรังศรี ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง นายธาดา ชุมไชโย สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกันแถลงสถานการณ์และมาตรการ การนำเข้า ส่งออก ขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก, สถิติการจับกุมสินค้าเกษตร (กระเทียม) และเตือนประชาชนกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อกรมศุลกากรในการขายสินค้า
นายชัยยุทธ กล่าววา จากข้อมูลสถิติตามใบขนที่มีการขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่าสถิติการนำเข้าเศษพลาสติก พิกัด 3915 ในปี 2560 มีปริมาณการนำเข้า จำนวน 145,764.98 ตัน และในปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม พบว่า มีปริมาณการนำเข้า จำนวน 212,051.72 ตัน ในส่วนของสถิติการนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ พิกัด 84 และ 85 พบว่า ในปี 2560 มีปริมาณการนำเข้า จำนวน 64,436.71 ตัน และในปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนพฤษภาคม พบว่า มีปริมาณการนำเข้า จำนวน 52,221.46 ตัน
ทั้งนี้ จากสถิติการนำเข้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 -2560 พบว่าเริ่มมีการนำเข้าของเสียอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้อนุสัญญาบาเซลเพิ่มปริมาณมากขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากในปี พ.ศ. 2560 ประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ.2561 โดยมีสัดส่วนการนำเข้าและมีการจับกุมการกระทำความผิดปริมาณมากที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง (สทบ.) สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (สทก.) สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ (สกท.) และสำนักงานตรวจสินค้าลาดกระบัง (สสล.) ตามลำดับ ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกรรม ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ขณะที่สถิติการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะ ทำให้ประเทศต้นทางเปลี่ยนมาส่งให้ประเทศที่มีใบอนุญาตนำเข้าแทน โดยที่ผ่านมาทางกรมศุลกากรได้เฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้า 1.เศษพลาสติก 2.เศษอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องมีใบอนุญาตนำเข้า รวมถึงกลุ่มประเภทที่ 3 คือ เศษโลหะ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องมีใบอนุญาต ที่อาจจะมีการปะปนเศษพลาสติกและเศษโลหะมานั้น
ทั้งนี้ได้มีการกักตู้และผลักดันออกนอกประเทศไปดังนี้ ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้ตรวจสอบและกักตู้เศษโลหะที่มีการสำแดงเป็น ทองเหลือง อลูมิเนียม ฯลฯ ไว้ ซึ่งเศษเหล่านี้ไม่ต้องมีใบอนุญาต ได้เปิดตู้ตรวจไปแล้ว 11 ตู้ จาก 33 ตู้ พบว่ามีการผสมปะปนเศษอิเล็กทรอนิกส์มาบางส่วน และมีกลิ่น จึงได้ประสานกรมโรงงานให้ตรวจสอบว่าต้องใบอนุญาตหรือไม่
นอกจากนี้ตรวจพบ 2 โรงงาน ทำผิดเงื่อนไข เศษพลาสติก ซึ่งทั้ง 2 โรงงานมีใบอนุญาตินำเข้าถูกต้อง แต่จากการตรวจสอบพบว่าผู้ซื้อแหล่งกำเนิดไม่ตรง จึงเตรียมผลักดันตู้กลับประเทศต้นทาง ส่วนสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง มีตู้กำหนดปล่อย 21 ตู้ ส่วนตู้ที่แสดงเป็นเศษพลาสติก เศษอิเล็กทรอนิกส์ ที่เข้ามาใหม่จำนวน 80-90 ตู้ ผลักดันกลับออกไปแล้ว 40 ตู้
มีการนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติกมากที่สุดประมาณ 90% แต่ละเดือนมีตู้เข้ามาประมาณ 500 ตู้ ซึ่งหลังจากวันที่ 4 มิ.ย. ที่ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ยังไม่ได้มีการปล่อยตู้ออกไปที่สำนักงานตรวจสินค้าลาดกระบัง อยู่ในกระบวนการตรวจสอบเศษพลาสติกจำนวน 37 ตู้
ทั้งนี้มีการนำเข้าเศษพลาสติกอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 550 ล้านบาท (6.3 หมื่นตัน) โดย 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่เดือนต.ค.60-เม.ย.61 มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 1,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีจำนวนมากถึง 2.9 แสนตัว โดยชำระอากรที่อัตรา 30 % ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศพัฒนาแล้วได้แก่ ญี่ปุ่น 43% สหรัฐอเมริกา 14% ฮ่องกง 11% ออสเตรเลีย 8% จีน 6%
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์กรณีดังกล่าวว่าต้องจ่ายตู้ละหนึ่งแสนบาทนั้นจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ นายชัยยุทธ กล่าวว่า จากการที่ตนอ่านข่าวเมื่อเช้านี้ในข่าวบอกไว้ ตนเข้าใจว่า กรมศุลกากรอยู่ระหว่างการสืบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งในรายละเอียดไม่ได้มีเนื้อหาพาดพิงมาถึงกรมศุลกากร คือไม่ได้พูดว่าจ่ายเงิน 1 แสนบาทให้กับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร อย่างไรก็ตามขอเรียนว่าเรื่องนี้หรือเรื่องใดก็ตามที่มีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับเงินสินบน รับเงินที่ไม่ถูกต้อง หรือรับเงินใต้โต๊ะเพื่อให้เกิดการนำเข้าของที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเราพร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว