รื้อแผนยุทธศาสตร์น้ำ 'บิ๊กตู่'สั่งปรับใหม่ รองรับเศรษฐกิจโต-การลงทุนพื้นที่อีอีซี
สทนช.เตรียมทบทวนยุทธศาสตร์น้ำ 20 ปีอีกรอบ ย้ำต้องมีผังระบายน้ำทุกพื้นที่ พร้อมขยายแหล่งน้ำรองรับการเติบโตของประเทศแต่ละภาค
สทนช.เตรียมทบทวนยุทธศาสตร์น้ำ 20 ปีอีกรอบ ย้ำต้องมีผังระบายน้ำทุกพื้นที่ พร้อมขยายแหล่งน้ำรองรับการเติบโตของประเทศแต่ละภาค
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในเวทีสัมมนาการปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ว่าได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ไปปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์น้ำระยะ 20 ปี (ปี 2561-2580) เพื่อรองรับความต้องการใช้ของประเทศทั้งการอุปโภคบริโภค การส่งเสริมการผลิตภาคเกษตร การรักษานิเวศ การท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ต้องกำหนดให้มีทิศทางว่าจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำในพื้นที่ใด โดยเฉพาะการรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึงความต้องการใช้น้ำของเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีการบูรณาการการทำงาน จากนี้ไปขอให้บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยจะมี สทนช. ที่จัดตั้งโดยคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 46/60 มาเป็นหน่วยงานที่คอยบูรณาการให้งานเป็นไปตามแผน
"มอบ สทนช.ไปปรับปรุงยุทธศาสตร์น้ำให้รองรับความต้องการดังกล่าวและทำแผนให้เสร็จภายในปี 2561 และนำมาพิจารณาร่วมกันโดยให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ไปดูแล เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจากสภาวะอากาศแปรปรวนจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำหรือไม่ นำมาสู่การแย่งน้ำในอนาคตหรือไม่ ซึ่งในหลายโครงการที่สำคัญยังทำไม่ได้ เพราะติดปัญหาที่ดินของประชน เพราะฉะนั้นต้องดูให้หมดว่าหากไม่ได้โครงการนี้จะทำอะไรที่มาทดแทนได้หรือไม่ และให้รับพระราชกระแสรับสั่งของในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 เป็นแนวทางในการปฏิบัติ และต่อไปทุกพื้นที่ต้องมีการผังระบายน้ำและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบการดำเนินการของรัฐว่าได้ทำอะไรให้ประชาชนและเป็นประโยชน์กับประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ขณะนี้ สทนช.อยู่ระหว่างการหารือเพื่อปรับแผนงานโครงการในยุทธศาสตร์ตามดำริของนายกฯ เป็นยุทธศาสตร์น้ำ 20 ปี (ปี 2561-2580) เป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทานอีก 18 ล้านไร่ เพิ่มปริมาณน้ำได้อีก 2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยในส่วนของเขตอีอีซีจะมีโครงการชลประทานเพิ่มเติมขึ้นมา ทำให้มีปริมาณน้ำใช้การเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้าน ลบ.ม. เพียงพอต่อความต้องการใช้ได้อีก 10 ปี โดยไม่ต้อง พึ่งพาน้ำจากต่างประเทศ โดยในภาคตะวันออกจะมี 5 โครงการ ขณะนี้คืบหน้าและอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ยกเว้นโครงการวังโตนด จ.จันทบุรี ยังติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการสำคัญในปี 2562-2565 ในด้านการสร้างความมั่นคงด้านน้ำ มีโครงการสำคัญคือแผนพัฒนาน้ำต้นทุนรองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โครงการเพิ่มน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล เขื่อนลำตะคอง โครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล โครงการด้านบรรเทาอุทกภัย ลดปัญหาน้ำท่วมชุมชนเมืองและเขตเศรษฐกิจ เช่น โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ จ.สกลนคร แผนการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 9 แผนงาน โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โครงการอุโมงค์ระบายน้ำในเขต กทม.